ยินดีต้อนรับเข้าสู่ http://newsofthethaipeople.blogspot.com/

ยินดีต้อนรับเข้าสู่ บล๊อค ข่าวคราวชาวไทย



ซึ่ง บล๊อค นี้ได้สร้างขึ้นมาเพื่อเผยแพร่ข่าวคราวของคนไทย

และได้มีการอั๊พเดตข่าวใหม่ๆทั่งข่าวสุขภาพ,ข่าวการศึกษา

รวมทั้งข่าวการเคลื่อนไหวต่างๆของคนไทยในสมัยปัจจุบัน...

วันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กระบะเสยท้ายสิบล้อเจ็บ5ที่โคราช

กระบะเสยท้ายสิบล้อเจ็บ5ที่โคราช

Pic_137964


กระบะบรรทุกผู้โดยสารรวม 9 คน กลับจากฉลองปีใหม่ที่บุรีรัมย์ พุ่งเสยท้ายสิบล้อ หน้าปั๊มที่โคราช พังยับ เจ็บเล็กน้อย 5  ขณะ ประชาชนทยอยกลับภูมิลำเนาคึกคักตลอดคืน ใช้เวลาจากกรุงเทพ-โคราช กว่า 10 ชั่วโมง...

เมื่อช่วงสายของวันที่  30 ธ.ค.53 นายวัลลภ เทพภักดี ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 5 นครราชสีมา ได้เปิดเผยว่า สรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 ในพื้น 4 จังหวัดเขตความรับผิดชอบ คือ จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และ สุรินทร์ วันที่ 29 ธันวาคม 2553 เกิดอุบัติเหตุ 20 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 23 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต มูลค่าความเสียหายประมาณ 310,200 บาท  จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา และบุรีรัมย์ จังหวัดละ 7 ครั้ง รองลงมา ได้แก่ จังหวัดสุรินทร์ 6 ครั้ง และจังหวัดชัยภูมิ ไม่มีการเกิดอุบัติเหตุ ไม่มีผู้เสียชีวิต มีผู้บาดเจ็บ 23 คน ชาย 16 คน หญิง 7 คน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ บุรีรัมย์ 9 ราย รองลงมา ได้แก่ นครราชสีมา 8 ราย และจังหวัดสุรินทร์ 6 ราย สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บ และ เสียชีวิต อันดับ 1. เมาสุรา 5 ครั้ง รองลงมาคือ ตัดหน้ากระชั้นชิด และ ตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด สาเหตุ/ความผิดตามมาตรการสำคัญ อันดับ 1. เมาสุรา และ ไม่สวมหมวกนิรภัย รองลงมา คือ ไม่มีใบขับขี่ และมอเตอร์ไซค์ ไม่ปลอดภัย ประเภทรถที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด อันดับ 1. รถมอเตอร์ไซค์ รองลงมาคือ รถปิกอัพ รถโดยสาร 4 ล้อขึ้นไปและรถบรรทุก 4 ล้อขึ้นไป
สำหรับ ประเภทถนนที่เกิดอุบัติเหตุ อันดับ 1. ถนนกรมทางหลวง รองลงมาคือ ถนนใน อบต. /หมู่บ้าน และ ถนนในเมือง(เทศบาล) ส่วนบริเวณจุดเกิดเหตุ อันดับ 1. ทางตรง รองลงมาคือ ทางโค้ง ช่วงเวลาเกิดอุบัติเหตุ อันดับ 1. ระหว่างเวลา 16.01 - 20.00 น. รองลงมาคือ เวลา 20.01 - 00.00 น. และ ระหว่างเวลา 12.01 - 16.00 น. 10. สถานะของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต อันดับ 1. ผู้ขับขี่ รองลงมาคือ ผู้โดยสาร ที่อยู่ประจำของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต อันดับ 1. คนในพื้นที่ (ในตำบล/แขวง) รองลงมาคือ คนนอกเขตจังหวัด ช่วงอายุผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต อันดับ 1. ช่วงอายุระหว่าง 20 - 24 ปี อันดับ 2. ช่วงอายุระหว่าง 25 - 29 ปี อันดับ 3. ช่วงอายุระหว่าง 15 - 19 ปี มูลค่าความเสียหาย ประมาณ 310,200 บาท การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ตั้งจุดตรวจ จำนวน 220 จุดตรวจ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 6,011 คน เรียกตรวจยานพาหนะ จำนวน 53,626 คัน ดำเนินคดีผู้กระทำผิดกฎหมายจราจร 11,975 คน โดยความผิดที่ถูกดำเนินคดีมากที่สุดคือ ไม่สวมหมวกนิรภัย 3,892 คน รองลงมา คือ ไม่มีใบขับขี่ 3,483 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจราจร การสัญจรผ่านไปยังจังหวัดต่าง ๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยตั้งแต่เมื่อกลางดึกของคืนที่ผ่านมา จนกระทั่งเช้าวันนี้ปริมาณรถหนาแน่น แต่ยังคล่องตัว และสามารถใช้ความเร็วได้ในบางช่วง โดยปริมาณรถที่ออกจากกรุงเทพฯ เมื่อเวลา 21.00 น.ของคืนวันที่ 29 ธ.ค. มาถึง จ.นครราชสีมา เวลา 07.30 น. ใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมง ในการเดินทางมายัง จ.นครราชสีมา ซึ่งรถติดขัดหนั กตั้งแต่ก่อนเข้าตัว จ.สระบุรี เรื่อยมาในช่วงทางขึ้น อ.มวกเหล็ก เข้าสู่ อ.ปากช่อง เรื่อยมา รถวิ่งสามารถใช้ความเร็วได้เพียง 40 – 60 กม. ต่อชั่วโมง แต่ก็ไหลมาได้เรื่อยๆ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตามจุดบริการประชาชนต่างๆ ออกมาอำนวยความสะดวกด้านจราจรให้กับประชาชนที่ใช้เส้นทางสายดังกล่าวเพื่อ ช่วยในการระบายรถกันอย่างเร่งด่วนตลอดทั้งคืน พร้อมกับเฝ้าระวังการเกิดอุบัติเหตุ โดย พ.ต.อ.วณัฐ อรรถกวิน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลงานด้านการจราจร ระบุว่า ในวันนี้ประชาชนที่จะใช้เส้นทางสายมิตรภาพเพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มมีปริมาณรถเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่า การเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชนในช่วงบ่ายวันที่ 30 ธ.ค.จะเริ่มหนาแน่นขึ้น

สำหรับการเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรของทางตำรวจภูธร จังหวัดนครราชสีมานั้น ในปีนี้ทางตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้มีการประสานงานกับทางตำรวจท้องที่เพื่อให้มีการตั้งจุดให้บริการประชาชน ร่วมกับทางหน่วยงานต่างๆ ของทางจังหวัด ตลอดถนนสายมิตรภาพ จำนวน 19 จุด และได้มีการสั่งการให้สถานีตำรวจทุกแห่งที่อยู่ติดกับถนนสายหลัก และถนนสายรอง ทั่วจังหวัดตั้งจุดตรวจและจุดให้บริการ รวมทั้งสิ้น 130 จุด ซึ่งจะมีชุดกวาดจับกุมผู้กระทำผิดวินัยจราจรที่ทางตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ตั้งขึ้นออกสุ่มลงจุดตรวจ ทั้ง 130 จุด เพื่อตรวจจับความเร็ว และการทำผิดกฎหมายการจราจรอย่างเข้มงวด บนถนนสายหลัก ส่วนถนนสายรอง จะมีการส่งชุดกวดขันจับกุมผู้เมาแล้วขับ และการกระทำผิดกฎหมายการจราจรอย่างเข้มงวดเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 07.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท.ปรัชญา มิมาลา สารวัตรเวร สภ.เมืองนครราชสีมา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นสตราด้า สีตะกั่ว หมายเลขทะเบียน ตค – 6310 กรุงเทพมหานคร บรรทุกผู้โดยสารมาเต็มคันรถ รวม 9 คน และนั่งกระบะท้าย 8 คน มีหลังคาและกรงเหล็กมั่นคงแข็งแรง ไม่มีรอยเบรกได้วิ่งพุ่งเข้าชนท้ายรถบรรทุกสิบล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 84 – 2297 ขอนแก่น ที่จอดอยู่ที่บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันเชลล์ กม.ที่ 3 – 4 ถนนราชสีมา-โชคชัย ต.หัวทะเล อ.เมืองฯ อย่างจังทำให้สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน และรถกระเด็นไปจอดแน่นิ่งบนบาทวิถี โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งเด็ก และ ผู้ใหญ่ รวม 4 - 5 คน ทางหน่วยกู้ภัย ฮุก 31 นครราชสีมา ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนได้นำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลมหาราชฯ ซึ่งอาการบาดเจ็บไม่รุนแรง เจ็บคนละเล็กละน้อย เช่น หัวแตก ดั้งจมูกแตก เจ็บแขน ขา ปวด บวม

จากการสอบสวนทราบผู้ขับขี่ คือ นายวิชิต ไทรจันทร์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28 หมู่ 8 ต.ไทยสามัคคี อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่ได้รับบาดเจ็บหัวแตก ถูกเศษกระจกหน้าบาด และ มีสภาพเบลอ ไม่ได้หลับมาตลอดทั้งคืน ประกอบกับขับรถมาด้วยความอ่อนล้า และเหนื่อยและมีท่าทางอ่อยเพลียมาก สอบถามว่า หลังเลิกงานก็ขอยืม พาญาติๆ กลับบ้าน ที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งตลอดเส้นทางรถติดขัดหนักมาก วิ่งได้แค่ 40 – 60 กม./ชม บางจุดไม่ขยับ เกือบชั่วโมง โดยใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมง มาถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


@@@@@@@@@

ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

ศพโผล่คลองเปรมฯคาดเมาตกน้ำตาย!

 ศพโผล่คลองเปรมฯคาดเมาตกน้ำตาย!

Pic_137959


ตะลึง!ศพชายนิรนามลอยโผล่คลองเปรมประชากร หน้าทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่สันนิษฐาน เหตุเกิดจากการเมาสุราเป็นหลัก เพราะลักษณะศพของผู้ตายไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายแต่ประการใด...

เมื่อเวลา 12.50 น.วันที่ 30 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งเหตุพบศพชายนิรนามเสียชีวิต ลักษณะศพ นอนตะแคงหน้าจมน้ำลอยอยูในคลองเปรมประชากร ใต้สะพานชมัยมรุเชษฐ์ ซึ่งอยู่ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล โดยจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าเป็นชาย อายุประมาณ 40 ปี โดยภายในตัว พบกระเป๋าเงิน มีเงินจำนวน 180 บาท และบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า มีชื่อระบุว่า ด.ช.คม นนทภา ทำบัตรเมื่อวันที่ 11 ต.ค.2545 ซึ่งบริเวณใต้สะพานที่เกิดเหตุมีผ้าห่มไว้ปูนอน 1 ผืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้จากการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ ระบุว่าชายนิรนามดังกล่าวน่าจะเสียชีวิตตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ (28 ธ.ค.) ที่ผ่านมา โดยได้รับแจ้งเมื่อเวลา 11 .30 น.ของวันนี้ ทั้งนี้ชายนิรนามดังกล่าวเป็นคนจรจัดที่หาเก็บของเก่าที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นเป็นประจำ สาเหตุการเสียชีวิตสันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากการเมาสุราเป็นหลัก เพราะลักษณะศพของผู้ตายไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายแต่ประการใด.



@@@@@@@@@

ที่มา —>http://www.thairath.co.th/

วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553

นายกฯยันคาร์บอมใต้ไม่ส่งผลยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน

นายกฯ ยันคาร์บอมใต้ไม่ส่งผลยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน






"อภิสิทธิ์" ยัน คาร์บอมถี่ในจังหวัดชายแดนใต้ ไม่ส่งผลยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน ชี้เป็นหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง จะดูแลพื้นที่ชุมชนอย่างไร วอนคนกรุงฯ มั่นใจเจ้าหน้าที่ดูแลงานเคาต์ดาวน์ปีใหม่ ...

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 29 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเกิดเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ล่าสุดเกิดเหตุคาร์บอมใน อ.จะก๊วะ จ.นาราธิวาส และ อ.บาเจาะ จ.ยะลา ภายหลังจากที่รัฐบาลประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ว่า รับทราบจากข่าวแต่ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่คงไม่ใช่เป็นการลองของหลังจากที่รัฐบาลประกาศยกเลิก พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุเฉินบางพื้นที่ เพราะเป็นคนละพื้นที่ และคงไม่ทำให้รัฐบาลต้องทบทวนนโยบายยกเลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะการยกเลิกเราพิจารณาเป็นพื้นที่ๆอยู่แล้ว ซึ่งเราต้องดูแนวทางสถานการณ์แนวโน้มหลักต้องดูเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆต้องแก้ไขกันไป ตนขอดูเหตุการณ์รายะละเอียดให้ชัดเจนก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้มีการรายงานทางการข่าวจะเกิดคาร์บอมทำไมไม่มีการป้องปราม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พื้นที่มันมีเยอะ กำลังจะไปดูว่าจุดที่เกิดมันเป็นเส้นทางไหนอย่างไร เมื่อถามว่า มีช่องว่างตรงไหนที่ไม่สามารถให้ป้องกันเหตุได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนขอดูรายละเอียดของเหตุการณ์ก่อน เพราะเพิ่งทราบข่าว เราเคยเตือน และทราบว่ามันมีแนวโน้มของผู้ที่เข้ามาของกลุ่มเคลื่อนไหวที่พยายามก่อเหตุในลักษณะนี้ เมื่อถามว่าเกิดเหตุใกล้วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จะส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของคนในพื้นที่หรือไม่ นายรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเคยให้ข่าวไปแล้วว่ามันเป็นเป้าหมาย ช่วงระยะเวลานี้เป็นเป้าหมายของเขา จะต้องสอบถามหน่วยงานความมั่นคงว่า จะทำอย่างไรกันต่อไปส่วนในพื้นที่ชุมชน เรากำชับกันไปแล้ว
ต่อข้อถามว่า รัฐบาลจะป้องกันอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในส่วนกรุงเทพฯและเมืองใหญ่มีการติดตามสถานการณ์อยู่ และมีการวางแนวทางทั้ง กำลังพล กล้องวงจรปิด และอุปกรณ์ต่างๆ เมื่อถามว่า การจัดเคาต์ดาวน์ตามสถานการณ์ที่ต่างๆในกรุงเทพฯประชาชนสามารถมั่นใจในความปลอดภัยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครับ ขอให้ความร่วมกับเจ้าหน้าที่ ถ้าหากมีมาตรการอะไรขอให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่


@@@@@@@@@


ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

โทษคูณ2 ทั้งแพ่ง อาญา..กฎหมายชี้ชะตาขับรถชนคนตาย

โทษคูณ2 ทั้งแพ่ง อาญา..กฎหมายชี้ชะตาขับรถชนคนตาย

Pic_137795




นับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุรถเก๋งชนรถตู้จนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมายเมื่อคืนวันที่ 27 ธันวาคม 2553 กระแสสังคมต่างออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอย่างหนาหู หลายตา ทั้งทางเว็บไซด์ชื่อดังต่างๆ และการพูดปากต่อปากเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ว่าผลลัพธ์ที่ออกมา ใครกันที่ผิด และสมควรจะต้องชดใช้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดการณ์สุดสลดแบบนี้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะกับครอบครัวไหนก็ตาม แต่ในเมื่อมันแจ่มแจ้งแดงแจ๋เต็มถนนขึ้นมาขนาดนี้แล้ว ก็ต้องดูกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้ว สิ่งที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 8 รายต้องสูญเสียไปนั้น กฎหมายจะดำเนินการอย่างไร เพื่อเป็นการชดใช้ให้กับทุกๆ ท่านอย่าง 'ยุติธรรม'..  

วันนี้ ' ไทยรัฐออนไลน์' เลยขอไขข้อข้องใจเกี่ยวกับกฎหมายทั้งทางแพ่ง และอาญา จากอุบัติเหตุครั้งนี้  โดย รศ.ดร.เจษฎ์  โทณวณิก นักวิชาการด้านกฎหมาย


การขับรถชนคนตาย มีบทลงโทษอย่างไรบ้าง

"การขับรถชนคนตายนั้นในทางอาญาจะเป็นโทษว่าด้วยเรื่องของการกระทำโดยประมาทให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย  ซึ่งมีอยู่ในประมวลกฎหมายอาญาอยู่แล้วครับ แต่นอกจากนี้จะมีโทษตามพระราชบัญญัติจราจรเข้ามาด้วย ซึ่งจะเป็นเรื่องของการขับรถโดยประมาท แต่ก็ต้องดูด้วยว่าผู้กระทำผิดนั้นมีอาการเมาสุราด้วยหรือเปล่า ซึ่งถ้าเมาสุราด้วยก็รับโทษจำคุก 7-15 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าไม่มีเรื่องสุรามาเกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัติจราจร ไม่ต้องรับโทษจำคุกครับ รับโทษทางอาญาอย่างเดียว ซึ่งถ้าในกรณีที่ผู้กระทำผิด ไม่มีใบขับขี่ด้วย ก็ต้องเพิ่มโทษอีก 1 กระทงครับ"
เมื่อรับโทษทางอาญาแล้ว ในส่วนของโทษทางแพ่งเป็นอย่างไร

"มันต่อเนื่องจากทางอาญาครับ โทษอาญาจะมี 3 อย่างคือ 1. ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต 2. ทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และ 3. ทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ ในทางแพ่งก็จะเชื่อมโยงกัน คือ 1. ค่าเสียหายที่เกิดจากการทำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต 2. ค่าเสียหายและเยียวยาที่เกิดจากการทำให้บาดเจ็บ และ 3. ค่าเสียหายจากการทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ครับ แต่สุดท้ายแล้วเราต้องดูอายุของผู้กระทำผิดด้วยว่าถ้าต่ำกว่า 17 ปี ก็จะมีเหตุลดโทษต่างๆ เพราะการพิจารณาโทษในแต่ละอายุจะต่างกัน อย่างสมมติว่ามีโทษจำคุก แต่ยังเป็นเยาวชนอยู่ ก็ต้องไปที่สถานพินิจเด็กและเยาวชนแทน ซึ่งจะชดใช้เท่าไหร่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าผู้เสียหายนั้น เขาเสียหายมากน้อยแค่ไหน ต้องพิจารณาตามที่เขาเสียหายจริง อย่างกรณีอุบัติเหตุครั้งนี้ถ้านับเฉพาะผู้เสียชีวิตก็ 8 คน ก็ต้องคำนวณของแต่ละคนไป ซึ่งมีผู้บาดเจ็บด้วยก็ต้องคำนวณชดใช้ให้เขาด้วย"




ในส่วนของกฎหมายทางแพ่ง ผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจะต้องได้รับการชดใช้อย่างไรบ้าง

"ระหว่างทางอาญาจะเชื่อมโยงกับทางแพ่งอย่างที่บอกไป แต่อย่างกรณีนี้มีผู้เสียชีวิตถึง 8 ศพ และผู้บาดเจ็บด้วย ก็ต้องชดใช้ในทางแพ่งแต่ละคน ยกตัวอย่างของ ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง เขาเรียนจบปริญญาเอก ใช้ทุนรัฐบาลเรียนไปยังไม่ได้ใช้หนี้ทุนเลย ก็ต้องคำนวณว่าจริงๆ ถ้าเขายังอยู่จะสามารถใช้หนี้ให้รัฐได้เท่าไหร่ ทำประโยชน์ให้กับประเทศได้เท่าไหร่ และให้ส่วนของการเลี้ยงดูพ่อแม่เท่าไหร่ เป็นเวลานานแค่ไหน ซึ่งเขาไม่อยู่แล้วจะทำไง  แต่โดยหลักการพิจารณาของศาลไทย โดยทั่วไปไม่ค่อยปรับเยอะ ถึงต้องมีการคำนวณเพื่อชดใช้ให้ค่าเสียโอกาส และค่าอนาคตมากขึ้น ยกตัวอย่างถ้าหมอไปทำลูกเขาตาย การพิจารณาคดีไม่ได้จบแค่พ่อแม่จะคิดว่าเสียหายแค่ไหน ศาลจะพิจารณาต่อว่าในอนาคต ถ้าเด็กคนนี้เติบโตขึ้น จะทำอะไรได้บ้าง ซึ่งก็เคยมีคดีที่ได้รับการชดใช้ไปหลายล้านเหมือนกัน
ผู้บาดเจ็บก็ต้องได้รับการรักษาค่าพยาบาลเต็ม ที่คำนวณง่ายที่สุดก็ค่ารักษาเท่าไหร่ก็จ่ายตามนั้นเลย ส่วนค่าทำขวัญก็ต้องให้ไปตามอาการ ความเสียหายของร่างกายผู้บาดเจ็บ ส่วนรถตู้ที่พังก็ต้องชดใช้ให้กับเจ้าของด้วย"


จากกรณีดังกล่าว ใครที่ต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบระหว่างรถเก๋งกับรถตู้

"ต้องดูตามความเป็นจริงครับ ผมอยากให้ทุกฝ่ายตอนนี้พินิจพิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากให้ผู้เชี่ยวชาญดูกล้องวงจรปิด และวิเคราะห์ด้วยความรู้ที่มีอยู่ ว่าลักษณะของอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างไร เพื่อความเป็นธรรมของทั้งสองฝ่าย ซึ่งถ้าดูแล้วรถเก๋งเป็นฝ่ายผิดก็ต้องรับผิดคนเดียวเต็มๆ ครับ ถ้ารถตู้เป็นฝ่ายผิด ก็ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน แต่ถ้าผิดทั้งคู่ก็ต้องรับโทษร่วมกัน ก็ตัดสินลดหลั่นกันไปดูว่าใครที่ประมาทมากกว่า ก็จะต้องรับมากกว่าครับ"
ชีวิตอาจแลกด้วยเงินไม่ได้ แต่เชื่อว่ากฎหมาย และความยุติธรรมคงสามารถไขความกระจ่างให้กับสังคมได้ ความจริงยังไงก็คือความจริง ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายที่กระทำผิดก็ตาม.

 
@@@@@@@@@

ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553

มีคู่ครองขี้บ่นต้องถือเป็นคนมีเคราะห์ เสี่ยงเป็นโรคหัวใจสูง...

 มีคู่ครองขี้บ่นต้องถือเป็นคนมีเคราะห์ เสี่ยงเป็นโรคหัวใจสูง




วารสารวิชาการ "วิทยาการโรค ระบาดและสุขภาพชุมชน" ของสหรัฐฯ รายงานว่า การมีคู่ครองขี้บ่น ทำให้เสี่ยงต่ออาการปวดเค้นหัวใจ อันเป็นอาการต้นของโรคหลอดเลือดหัวใจสูงอย่างสำคัญ

คณะนักวิจัยได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาศึกษา หลังจากเคยมีการศึกษาวิจัยมาก่อนว่า ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่อบอุ่น บำรุงสุขภาพหัวใจ

พวกเขาศึกษาด้วยการติดตามดูสุขภาพหัวใจของชายหญิงในวัย 40-50 ปี ที่สุ่มเลือกเอาไม่น้อยกว่า 4,500 คน ซึ่ง ยังไม่เคยเป็นโรคหัวใจมาก่อน โดยแบ่งความสัมพันธ์ในครอบครัวออกเป็นพวกๆ เป็นเวลาติดต่อกันนาน 6 ปี

หลังจากการเฝ้าศึกษามานาน 6 ปี ได้พบว่าหนึ่งใน 10 ของทั้งชายและหญิง ปรากฏมีอาการปวดเค้นในหัวใจ และเมื่อแบ่งออกเป็นพวกๆ ตามระดับของความสัมพันธ์ในครอบครัวแล้ว จะเห็นอย่างชัดเจนว่าการเสี่ยงต่ออาการปวดเค้นหัวใจขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์อันดีหรือเลวด้วย โดยเฉพาะผู้ที่มีเรื่องกวนใจเกี่ยวกับคู่ครองหรือเด็ก จะเสี่ยงต่อโรคหนักเป็นพิเศษ อาจเสี่ยงสูงไม่ต่ำกว่า 3.5 เท่า ส่วนผู้ที่มีปากเสียงกับคู่ครองบ่อยๆ จะเสี่ยงต่อโรคสูงร้อยละ 44.


@@@@@@@@@@ 

ที่มา—>http://www.thairath.co.th/ 

ทำไม ! ถึงชอบ มี เมียน้อย กันนัก ?

ทำ ไม ถึง ชอบ มี เมีย น้อย กัน นัก ? 

เชื่อมานานแล้วล่ะว่า ความสุขของมนุษย์ สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น การมีสุขภาพที่ดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียนก็ทำให้ แฮปปี้ ใช่ปะ, การมีรายได้และทรัพย์สินเงินทองที่ เพียงพอต่อการดำรงชีวิต นี่ก็ทำให้มีความสุขกายสบายใจ
เพราะไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินใครให้เดือดเนื้อร้อนใจ รวมทั้งการมีคู่ครอง หรือที่ชอบแซวกันว่า มี   "คู่รักแฟนเลิฟ"   ที่ดี   ก็จะยิ่งเสริมส่งให้คน

คนนั้นมีความสุขมากยิ่งขึ้นไปอีก อย่างที่ผลการวิจัยแจ้งไว้ไงว่า หากคู่ครองฝ่ายหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปในทางมีความสุขเพิ่มขึ้น ความสุขของอีกฝ่ายก็จะเพิ่มตามไปด้วย แหม...ขอยืนยันคอนเฟิร์มจ๊ะว่า เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอนอย่างที่ซู้ด

เพราะถ้ามีแฟนเป็นคนดีแล้วไซร้ ก็จะไม่สร้างปัญหาตามมาให้อีกฝ่ายร้อนรุ่มกลุ้มใจเป็นแน่ มีแต่จะรักกันสวีตหวาน และใช้ชีวิตคู่ด้วยกันอย่างราบรื่นมากกว่านะ

เชื่อหรือไม่ว่า ความรักที่แท้จริง คือ การ ให้อิสรภาพแก่ "คนที่เรารัก" และไม่ผูกติดกับ "คนที่เรารัก" ตลอดเวลา แม้ใจจริงอยากจะทำ อย่างนั้นก็เหอะ แต่ในเมื่อต่างฝ่ายต่างต้องทำงานกันคนละแห่ง (หรือต่อให้ทำงานที่เดียวกันก็เถอะ) แล้วจะไปทำตัวติดกับเค้าตลอดเวลาได้ไง อีกอย่างขืนทำตัวติดกันมันก็น่ารำคาญ แถมจะอึดอัดใจตามมาแน่ๆ และยังน่าเบื่ออีกด้วย

ว่าแต่เมื่อให้อิสรภาพแก่คนรักไปแล้ว ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า เค้าจะใช้อิสระที่มีไปทำอะไรล่ะ? ถ้าทำในสิ่งที่เหมาะสมก็ดีไป แต่หากสะเหล่อหรือจงใจไปมี "กิ๊ก" หรือมี "เมียน้อย" มันก็น่าเจ็บกระดองใจสินะ แหม ถ้าไว้ใจกันแล้ว ดันแอบไปมีเมียน้อย โอ๊ย อย่างนี้ก็ย่อมทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึกสิยะ

พูดถึงปัญหาผู้ชายมีภรรยาน้อยหรือเมียน้อยนี่นะ พบได้บ่อยมากในบ้านเรา แถมเป็นปัญหาอมตะนิรันดร์กาลซะด้วยสิ ซึ่งหากไปค้นหาสาเหตุของการที่ผู้ชายมีเมียน้อยนั้นน่ะรึ ก็มีหลายประการ เช่น โอกาสสิ่งแวดล้อมอำนวย ความใกล้ชิดสนิทสนม หรือความเห็นอกเห็นใจ ก็ทำให้มีเมียน้อยโดยไม่ตั้งใจ (หรืออาจตั้งใจ) ก็ได้ หนำซ้ำ การอยู่กับภรรยาตัวจริงมานาน จนเกิดความจำเจ ทำให้เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย ก็ด้วย อีกอย่าง ความไม่รู้จักพอของผู้ชายเอง ก็ก่อให้เกิดปัญหาเช่นกัน

ถามว่า ทำไมผู้หญิงถึงยอมเป็นเมียน้อย? ในมุมมองของ พ.อ.นพ.อำนาจ รัตนวิลัย จิตแพทย์ โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า บอกว่า มาจากหลายเหตุผล ได้แก่ ต้องการความรักความอบอุ่น, อยากมีที่พึ่งทางใจ, โดนหลอกหรือถูกข่มขืน หรือต้องการผู้อุปการะ เนื่องจากฐานะยากจน ฯลฯ

ซึ่งบุคลิกภาพของผู้หญิงที่เป็นเมียน้อยสังเกตเอาเหอะ ส่วนใหญ่ออกแนวต้องการพึ่งพิงคนอื่นสูง, วุฒิภาวะต่ำ, หุนหันพลันแล่น หรือชอบเรียกร้องความสนใจ เป็นต้น

ในทางจิตวิทยา พบว่าผู้หญิงที่เป็นเมียน้อยมักจะขาดความรัก-ความอบอุ่นในวัยเด็กนะ หรือมีความผิดหวังในคู่ของตัวเอง จึงหันไปแสวงหา "ความรู้สึกที่ขาดหายไปนี้" จากคนใกล้ชิดซะเลย

ส่วนการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาโลกแตกนี้น่ะเรอะ อู๊ย...ยาก! แต่ก็พอทำได้ โดยเริ่มจากครอบครัวก่อนเลย ควรเลี้ยงลูกให้ได้รับความรักความอบอุ่นอย่างเพียงพอ, สอนให้เด็กมีความเป็นตัวของตัวเอง, มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่ดี ซึ่งจะทำให้มีวิจารณญาณและการวางตัวที่เหมาะสม

ในกรณีของผู้ใหญ่ สามีภรรยาควรสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน มีความเข้าอกเข้าใจกัน ไม่รักง่ายหน่ายเร็ว ส่วนสังคมก็ควรสนับสนุนค่านิยมแบบถูกต้องคือ ส่งเสริมให้มีความซื่อสัตย์ต่อคู่ครองและรักเดียวใจเดียวด้วยนะฮ้า

แต่อย่างว่าแหละ ลองคนเรามันจะเบื่อ และถ้าอยากจะไปมีสัมพันธ์สวาทกับคนอื่นซะอย่าง เค้าก็จะดิ้นรนไปมีกิ๊กหรือเมียน้อยจนได้ เอ๊า ไม่เคยเห็นตัวอย่างเรอะ ต่อให้ "เมียตัวจริง" เป็นคนดี ดี๊ ดีขนาดไหน แต่ผัวหรือสามีบางคนก็ยังไม่วาย มีกิ๊กหรือเมียน้อยจนได้สิน่า

เออ ถ้า "เมียตัวจริง" เป็นคนไม่ดี แล้วสามีหันไปมีเมียน้อยก็พอเข้าใจ แต่หากเมียตัวเองนั้นแสนดีแล้วไซร้ แต่สามีก็ยังไม่วายไปกกอีหนูอยู่นั่น เนี่ยมันหมายฟามว่าไงไม่ทราบ?

เฮ่อ พูดเรื่องผัวเมียแล้วละเหี่ยใจ แต่อย่างว่า แฟนหรือสามีที่ดีๆยังมีอีกแยะ ดังนั้น ลองมาดูสัญญาณกันดีกว่าว่า แฟนหนุ่มของคุณยังคงรักและแคร์คุณอยู่รึเปล่า? หลังจากคบกันมานานแล้วเค้ามีแววว่าจะนอกใจไปมีเมียน้อยไหม? ให้สังเกตจากอากัปกิริยาของเค้าละกัน เช่น...

1. เค้ายังอยากพูดคุยกับคุณเป็นประจำรึเปล่า?

ถ้าการพูดคุยกับคุณทำให้มีความสุข ทำให้ เค้ามีชีวิตชีวา ทำให้เค้าผ่อนคลาย แถมถ้าเผื่อเค้ามีปัญหามามะรุมมะตุ้มรุมสุมอยู่ในใจ เค้าก็มักจะนำมาเล่าให้คุณฟังเสมอ เพื่อสอบถามความเห็นของคุณละก็ แสดงว่าเค้ายังให้ความสำคัญกับคุณนะเนี่ย แล้วหยั่งงี้จะหาว่าเค้าเบื่อได้ไง

2. ยามคุณไม่สบาย เค้ายังกุลีกุจอมาดูแล เอาใจใส่ไหมล่ะ?

ถ้าเค้ายังขยันสอบถามความเป็นอยู่ของคุณ ว่าสุขสบายดีเหรอ แถมยังสนับสนุนให้คุณไปตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีอีกด้วย โอ๊ย หยั่งงี้ก็เบาใจได้ว่า เค้ายังห่วงหาอาทรคุณอยู่นะ ไม่ใช่อยู่ด้วยกันนานๆแล้วก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่สนใจซะงั้น ขืนพฤติกรรมเค้าเป็นแบบหลังละก็ ให้ระวังไว้เถอะ ว่าเค้ากำลังเบื่อหน่ายคุณแล้วอ่ะดี๊ มิน่าถึงไม่ใส่ใจไยดีอะไรเลย...ก็เซ็งแล้วนี่หว่า

3. เค้าอารมณ์ดี, มีความสุขและร่าเริง ตอนที่อยู่กับคุณไหม?

ถ้าคุณสามารถทำให้เค้ามีความสุขตอนที่อยู่ด้วยกันได้ละก็ เค้าย่อมพอใจที่จะอยู่กับคุณอย่างนี้เรื่อยไป มากกว่าจะไปหาที่พักใจจากที่อื่นนะ อีกอย่างให้สังเกตละกันว่า เค้าเข้ามากอดหรือเข้ามาหอมแก้มคุณ โดยไม่รีรอให้ถึงโอกาสพิเศษรึเปล่าล่ะ ถ้าใช่ก็แสดงว่า รักเรายังไม่เก่าเลยน่ะซี.

@@@@@@@@@

ที่มา—> http://www.thairath.co.th/