ยินดีต้อนรับเข้าสู่ http://newsofthethaipeople.blogspot.com/

ยินดีต้อนรับเข้าสู่ บล๊อค ข่าวคราวชาวไทย



ซึ่ง บล๊อค นี้ได้สร้างขึ้นมาเพื่อเผยแพร่ข่าวคราวของคนไทย

และได้มีการอั๊พเดตข่าวใหม่ๆทั่งข่าวสุขภาพ,ข่าวการศึกษา

รวมทั้งข่าวการเคลื่อนไหวต่างๆของคนไทยในสมัยปัจจุบัน...

วันเสาร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2554

กลุ่มคนไทยฯเตรียมจ้างทนายสู้เอง คาด19ม.ค.ได้พบ'วีระ'

กลุ่มคนไทยฯเตรียมจ้างทนายสู้เอง คาด19ม.ค.ได้พบ'วีระ'


Pic_141670


"การุณ-ไชยวัฒน์" นำคณะกลับจากเขมร เผยตลอดเวลาที่อยู่เขมรไม่เคยได้พบ 7 ผู้ต้องหา-ทนายที่ทางการเขมรจัดหาให้ ไม่เชื่อมือ เตรียมตั้งทนายสู้คดีเอง จะเดินทางไปเขมรอีกครั้ง 18 ม.ค. คาดจะได้พบกับ "วีระ" 19 ม.ค....

เมื่อวันที่ 15 ม.ค. นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ พร้อมด้วย นายการุณ ใสงาม และ ม.ล.วรรณวิภา จรูญโรจน์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ได้แถลงภายหลังเดินทางกลับจากประเทศกัมพูชา ว่า ตลอดระยะเวลาที่เดินทางไปกัมพูชาตนไม่เคยพบกับทนายความชาวกัมพูชา รวมทั้งผู้ต้องหา เนื่องจากถูกปฏิเสธและบ่ายเบี่ยง อ้างว่าจะต้องได้รับการอนุญาตจากเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ ก่อน
นายการุณ  ยืนยันว่า ทางเครือข่ายจะจัดตั้งทนายความและล่าม เพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหาเอง เนื่องจากมีความไม่มั่นใจในทนาย ที่ทางการกัมพูชาจัดหา เพราะได้รับข้อมูลว่า ผู้ใกล้ชิดกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการจ้างทนายต่อสู้คดี พร้อมจะจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับหลักเขตแดนและพยานหลักฐานในการต่อสู้อย่างละเอียด เพื่อจัดพิมพ์เป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษากัมพูชา เพื่อนำไปมอบให้กับ นายวีระ สมความคิด หนึ่งใน 7 ผู้ต้องหา ใช้ในการต่อสู้คดี

โดยคณะของนายการุณ จะเดินทางไปในวันอังคาร ที่ 18 ม.ค. คาดว่าจะได้พบกับ นายวีระ ในวันพุธที่ 19 ม.ค. นี้ และจะนำเอกสารดังกล่าว ไปแจกจ่ายให้กับคนไทย และคนต่างชาติด้วย ขณะเดียวกัน ยังเรียกร้องให้ผู้นำรัฐบาล หยุดให้ความคิดเห็นที่จะทำให้คนไทยทั้ง 7 คน เสียรูปคดีในการประกันตัวด้วย.



@@@@@@@@


ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

มาร์คกลัวโดนโวย 2มาตรฐาน จี้ตำรวจเคลียร์ม็อบ

มาร์คกลัวโดนโวย 2มาตรฐาน จี้ตำรวจเคลียร์ม็อบ
Pic_141651


นายกรัฐมนตรี จี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้เร่งเจรจา ม็อบเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ที่มีการปิดถนน หวั่น  โดนโวยสองมาตรฐาน พร้อมเตรียมปัดฝุ่น พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ...


เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 15 ม.ค. ที่ภัตตาคารสีลมวิเลจ ซอยสวัสดีสุขุมวิท 31 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้หารือถึงการชุมนุมของเครือคนไทยหัวใจรักชาติ ที่ขณะนี้มีการปิดช่องทางการจราจรบางช่วง และในช่วงค่ำมีการปิดถนน ตนจึงบอกว่าควรจะไปเจรจาเพราะว่าไม่ควรให้มีการปิดถนน มิฉะนั้นแล้วจะกลายเป็นว่า ทำไมบางกรณีปิดถนนได้ บางกรณีปิดถนนไม่ได้ ซึ่งเขาพยายามที่จะชี้แจงว่าหลังจากที่ไปเจรจามากลุ่มผู้ชุมนุมได้พูดถึงเรื่องความปลอดภัย ตนจึงบอกว่าอย่างไรก็ไม่ควรให้มีการปิดถนน เพราะฉะนั้นขอให้ไปดำเนินการเจรจาอีก นอกจากนี้ ได้คุยถึงเรื่องกฎหมาย พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า โอกาสที่จะกลับมาใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะมีอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ต้องการที่จะให้มี แต่ว่าต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความเรียบร้อย เมื่อถามว่า หากมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาเป็นจำนวนมาก และ มีการปิดเส้นทางการจราจรอีกจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องมีการเจรจากัน ทำความเข้าใจกัน เพราะกลุ่มผู้ชุมนุม อ้างว่าการปิดเส้นทางจราจร เพราะว่าจะช่วยดูแลความปลอดภัยได้ และไม่ให้มีมือที่ 3 เข้ามาได้ แต่จริงๆ จะต้องคิดถึงประโยชน์สาธารณะก่อน ซึ่งจะขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปคุยอีกรอบ

เมื่อถามว่า เรื่องของกฎหมาย พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะมีความคืบหน้าอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทางกลุ่มผู้ค้าราชประสงค์ได้ขอเรื่องดังกล่าวมาด้วย ตนจึงขอให้ทางวิปรัฐบาลนำเรื่องกลับมาดูอีกครั้งหนึ่ง เพราะมีทั้งกฎหมายของทางรัฐบาลและของสมาชิกอยู่ว่าจะสามารถเร่งได้หรือไม่ แต่ต้องทำความเข้าใจเพราะว่ากฎหมายฉบับนี้จะเป็นปัญหาว่าจะไปจำกัดสิทธิมากไปหรือไม่ จึงขอให้ทำความเข้าใจกันให้ดี และถ้าสามารถที่จะดำเนินการเร่งรัดได้จะเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งจะสามารถเข้าทันสภาสมัยนี้หรือไม่นั้น อยู่ที่วิปรัฐบาล เพราะว่าเป็นผู้พิจารณาอยู่ ซึ่งอาจจะยังมีข้อห่วงใยในบางบทบัญญัติ ซึ่งถ้ามีอย่างนั้นเราพร้อมที่จะมาทบทวน

เมื่อถามว่า เรื่องกฎหมาย พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกร้องมาที่นายกรัฐมนตรีแล้วใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ เพราะว่าเขาอยากมีเครื่องมือ แต่ว่าความจริงแล้วปัจจุบันแนวของกฎหมายค่อนข้างชัด เวลาที่มีการไปทำอะไรแล้วละเมิดสิทธิของคนอื่น ซึ่งทางศาลได้เคยชี้เพียงแต่ว่าตำรวจเองมีความกังวลว่าเวลาจะไปดำเนินคดีจะดำเนินคดีในลักษณะไหน อย่างไร จึงอยากจะมีกฎกติกาที่ชัดเจนเท่านั้น ตนเข้าใจว่าเมื่อนำเข้าในขั้นตอนของกฤษฎีกาไป แล้วมีการปรับบางมาตรา จึงทำให้สาระอาจจะแตกต่างไปจากเดิมในบางเรื่อง เช่น สถานที่ที่ห้ามชุมนุม หรือ ขั้นตอนต่างๆ จึงจะต้องนำกลับไปดูให้เป็นที่ยอมรับกันทุกฝ่าย

ต่อข้อถามว่า กรณีที่กลุ่มผู้ค้าราชประสงค์ ที่นายกรัฐมนตรีให้ไปคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดงเองนั้น จะเป็นการผลักภาระให้ประชาชนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ เพราะเขาเข้าใจดี เพราะถ้าสมมติว่ารัฐบาลเป็นเจ้าภาพเรื่องดังกล่าว กลุ่มผู้ชุมนุมจะบอกว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ของรัฐบาลหรือไม่ ที่ต้องการให้ผู้ชุมนุมไม่มาชุมนุม ตนจึงบอกว่าอย่างน้อยทั้งสองฝ่ายควรจะได้รับความคิดเห็น ซึ่งกันและกัน และทางผู้ค้าจะทราบว่าผู้ชุมนุมต้องการอะไร และ กลุ่มผู้ชุมนุมจะรู้ว่าผู้ค้าฯ เขาเดือดร้อนอย่างไร แต่ว่าในส่วนของรัฐบาล ให้ผู้ปฏิบัติคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดู และเป็นคนกลาง ที่จะใช้วิธีอย่างนั้น อย่างนี้ได้หรือไม่ เพื่อที่จะให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ และ จะไม่มีเรื่องของการเมืองเข้าไปแต่ถ้าหากตำรวจเห็นว่ามีอะไรที่จะให้ รัฐบาลช่วยตัดสินใจก็จะไม่มีปัญหา แต่ถ้าให้เราไปคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมเอง จะกลายเป็นเรื่องการเมืองไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในส่วนของการยุบสภาต้องให้เรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ข้อยุติ และ ขณะนี้ได้ดูสถานการณ์หลังจากที่มีการยกเลิกการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งขณะนี้เป็นไปในทางที่เรียบร้อยดี แต่ว่าเดือนนี้ทราบดีว่าการชุมุนมทั้งในวันที่ 23 และ 25 ม.ค. ซึ่งจะต้องรอดูสถานการณ์ช่วงนั้นด้วย เพื่อที่จะประเมินว่าหลังจากที่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปแล้วการบริหารจัดการสถานการณ์เป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อย หรือไม่ ถ้าเรียบร้อยก็จะเป็นสัญญาณที่ดี เพราะขณะนี้ถ้าเราสามารถทำให้บ้านเมืองมีเสถียรภาพ ก็จะเป็นอีกเงื่อนไขหนึ่ง ที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งได้ เมื่อถามว่า นอกจาก 3 เงื่อนไขเดิม เรื่องการจัดทำงบประมาณปี 2555 เพิ่มมาอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะไม่มีเงื่อนไขอะไรเพิ่มเติม



@@@@@@@@@@


ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง'บุญจง-เกื้อกูล'

โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง'บุญจง-เกื้อกูล'


Pic_141674

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง 'บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ เป็นรมช.มหาดไทย และ 'เกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร' เป็นรมช.คมนาคม...


สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้เผยแพร่ประกาศราชกิจจานุเบกษา เรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรี ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีตามประกาศลงวันที่ 17 ธันวาคม พุทธศักราช 2551 และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินตามประกาศลงวันที่ 20 ธันวาคม พุทธศักราช 2551และประกาศครั้งสุดท้ายลงวันที่ 12 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2553 นั้น บัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า ได้มีรัฐมนตรีลาออกบางตำแหน่ง สมควรแต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่าง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้

นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 14 มกราคม พุทธศักราช 2554 เป็นปีที่ 66 ในรัชกาลปัจจุบัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ


@@@@@@@@@


ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

ดีเอสไอสรุป'จตุพร'ยังไม่ฝ่าฝืนคำสั่งศาล

ดีเอสไอสรุป'จตุพร'ยังไม่ฝ่าฝืนคำสั่งศาล

Pic_140353

ดีเอสไอ นัดถกเครียด ก่อนสรุป 'จตุพร' ยังไม่ฝ่าฝืนคำสั่งศาล หลังเข้าร่วมชุมนุมเสื้อแดง ที่ราชประสงค์เมื่อวานนี้...


ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 10 ม.ค. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทย และ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำเลยในคดีก่อการร้าย เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ว่า เงื่อนไขที่ศาลกำหนด คือ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับการชุมนุม หรือ ทำกิจกรรมใด ที่มีผู้ร่วมตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไป และ ห้ามเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร หรือ ให้สัมภาษณ์ต่อสาธารณชน ที่เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนและการพิจารณาคดีในศาล ดังนั้น กรณีนี้ศาลไม่ได้ห้ามเด็ดขาด การที่นายจตุพรเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.และ มีการพูดในหลายเรื่อง เจ้าพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้ายได้ประชุมกันและเสนอความเห็นว่า จากการติดตามและนำคำพูดนายจตุพร มาถอดเทปแล้วเห็นว่าพฤติกรรมนายจตุพร ไม่เข้าข่ายหรือเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนของพนักงานสอบสวน ดังนั้นดีเอสไอจะไม่ยื่นศาลสั่งถอนประกัน แต่จะติดตามพฤติกรรมนายจตุพร ต่อไปหากการกระทำใดเข้าข่ายตามที่ศาลกำหนด ตนในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนจะยื่นถอนประกันตัวในโอกาสต่อไป
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีกรณีนายจตุพร นำเอกสารการเสียชีวิตของนักข่าวญี่ปุ่นและผู้เสียชีวิตในวัดปทุมฯ มาเปิดเผยโดยอ้างว่าได้มาจากดีเอสไอ นายธาริต กล่าวว่า อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ เพราะต้องได้เอกสารที่นายจตุพร นำมาแสดง ซึ่งบางครั้งบอกว่าทำเอง บางครั้งบอกว่าไม่ได้ทำเอง เรื่องนี้ไม่ว่าทำข้อมูลเองหรือนำเอกสารในสำนวนมาเปิดเผยก็ถือว่ามีความผิด


@@@@@@@@@

ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

กต.เผยยื่นประกัน7คนไทยคาดพิจารณา5วัน

กต.เผยยื่นประกัน7คนไทยคาดพิจารณา5วัน


Pic_140380


'ธานี ทองภักดี' โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผย ทนายความ ได้ยื่นขอประกันตัว 7 คนไทยแล้ว โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล คาด ใช้เวลาประมาณ 5 วันทำการ...

นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า วันนี้ (10 ม.ค.) ทนายความได้ยื่นขอประกันตัว 7 คนไทยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 5 วันทำการ หากได้รับประกัน ศาลจะแจ้งให้ทราบถึงเงื่อนไขในการประกันตัว ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ พร้อมจะให้ความช่วยเหลือในเรื่องนี้

“ส่วนการดำเนินคดีในชั้นนี้ ศาลยังไม่ได้กำหนดว่าจะไต่สวนหรือพิจารณาคดีเมื่อใด แต่คาดว่าจะมีความคืบหน้าใน 1-2 วันนี้ ทั้งนี้ ขณะนี้สถานเอกอัครราชทูตกำลังทำเรื่องขออนุญาตให้ผู้แทนกลุ่มประชาชนไทย หัวใจรักชาติที่เดินทางไปกัมพูชา ได้เข้าพบผู้ต้องหาที่แสดงความจำนงจะพบกับกลุ่มผู้แทนดังกล่าว ซึ่งเท่าที่ทราบมีเพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วนคนอื่น ๆ ยังอยู่ระหว่างการประสานงาน”นายธานี กล่าว



@@@@@@@@@


ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

แกะรอย "สมบัติใต้พิภพ"

แกะรอย "สมบัติใต้พิภพ"

Pic_140266

"บางอ้อ" วันเสาร์ที่ 15 มกราคม 2554 เวลา 13.30-14.00 น. โมเดิร์น 9  แกะรอย "สมบัติใต้พิภพ" เผยเมืองไทยก็มี "ขุมทรัพย์"...


"บางอ้อ" เสาร์ที่ 15 มกราคมนี้ เวลา 13.30-14.00 น. ทางโมเดิร์น 9 ตามรอยพิธีกร หนุ่ม-คงกะพัน แสงสุริยะ ไปบุกถึงถิ่นทองคำบริสุทธิ์  ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องการร่อนทองคำมากกว่า 200 ปี ที่หมู่บ้านป่าร่อน ต.ร่อนทอง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่เหมืองทองคำของลุงเล็ก-บัวขาว มิ่งเมือง ซึ่งเหลือเพียงแห่งเดียวในย่านนี้ และยังอนุรักษ์วิธีการร่อนทองด้วยเลียงไม้แบบโบราณเอาไว้ เสียงร่ำลือที่ว่าเหมืองทองของลุงเล็ก ในพื้นดินมีทองอยู่ทุกตารางนิ้วจะจริงหรือไม่? ต้องติดตาม
จากนั้นไปพิสูจน์พลังงานความร้อนจากรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์หาดทรายร้อนขึ้น บริเวณคลองปันแดน บ้านถ้ำเสือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ซึ่งมีให้ชมเพียงเดือนละ 6 วัน ในวันขึ้น 3-5 ค่ำ และแรม 3-5 ค่ำ เท่านั้น เพราะเป็นวันที่น้ำทะเลลงตั้งแต่เช้ามืดจนถึงช่วงสายพอดี ร่วมสัมผัสความมหัศจรรย์ของธรรมชาติไปพร้อมๆ กับพิธีกร  โจ๊กเกอร์-นพัตฎ์ธร (นพชัย) มัททวีวงศ์ ที่ลงไปนอนนวดตัวและทำสปาด้วยโคลนร้อน ท่ามกลางไอน้ำร้อนที่พวยพุ่งจากพื้นดิน เป็นบรรยากาศโรแมนติกที่หาได้ยากยิ่ง
และถึงวันนี้หาดทรายร้อนกลายเป็นต้นทุนทางธรรมชาติ ที่สร้างรายได้ให้ชาวบ้านในชุมชนท่องเที่ยวบ้านถ้ำเสือ เป็นปรากฏการณ์จากใต้พื้นโลกที่ยากจะคาดเดาการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต จึงเป็นสิ่งที่คอยกระตุ้นเตือนให้ชาวบ้านอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเข้าใจ เสน่ห์ของธรรมชาติทั้งสองแห่งคือความลับที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นโลก ทั้งหมดนี้ตามดูได้ในรายการ "บางอ้อ"


@@@@@@@@@


ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2554

แดงมาตามนัดเดินจากอนุสาวรีย์ปชต.ไปราชประสงค์

แดงมาตามนัดเดินจากอนุสาวรีย์ปชต.ไปราชประสงค์


Pic_140127

เสื้อแดงมาชุมนุมตามนัด รวมตัวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ล่าสุด เริ่มเคลื่อนไปราชประสงค์ จะใช้เส้น ถ.ราชดำเนิน ถ.นครสวรรค์ ถ.พิษณุโลก ถ.เพชรบุรี แยกประตูน้ำ...




เสื้อแดงมาตามนัด โดยเมื่อวันที่ 9 ม.ค. กลุ่มคนเสื้อแดงได้รวมตัวกันบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ โดยมีตำรวจดูแลความสงบอย่างเข้มงวด ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. คนเสื้อแดงบางส่วน รวมทั้งขบวนรถจักรยานยนต์ ได้เริ่มเคลื่อนขบวนจากบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมุ่งหน้าไปยังแยกราชประสงค์





ทั้งนี้ กองบังคับการตำรวจจราจร สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล แจ้งว่า ตั้งแต่เวลา 15.00 น. วันที่ 9 ม.ค. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนจากบริเวณถนนราชดำเนินกลางไปยังแยกราชประสงค์ โดยจะใช้เส้นทางจากแยกผ่านฟ้า ถ.ราชดำเนินกลาง ถ.นครสวรรค์ ถ.พิษณุโลก ถ.เพชรบุรี เลี้ยวขวาที่แยกประตูน้ำใช้ ถ.ราชดำริ ถึงแยกราชประสงค์ จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว





สำหรับการชุมนุมของเสื้อแดงครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกหลังจากรัฐบาลประกาศยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ท่ามกลางการเตรียมกำลังตำรวจนับพันนายคอยดูแลความสงบ


@@@@@@@@@


ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

จุดชน9ศพเฮี้ยน-วินจยย.ทำบุญอุทิศส่วนกุศล

จุดชน9ศพเฮี้ยน-วินจยย.ทำบุญอุทิศส่วนกุศล


Pic_140142

วินจยย. หน้าศาลาริมถ.วิภาวดีรังสิต ใกล้จุดเกิดเหตุสาว 17 ขับเก๋งชนท้ายรถตู้โดยสาร ทางด่วนโทลล์เวย์ดับ 9 ศพ นิมนต์พระทำบุญอุทิศส่วนกุศล ขณะชาวบ้านแถวนั้นเจอดี พบชายลึกลับหน้าเละ นั่งในศาลารอรถ...


เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 9 ม.ค. ที่บริเวณวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง หน้าศาลาริมถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้ประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุที่ สาววัย17 ปี ขับรถเก๋งฮอนด้าซีวิค พุ่งชนท้ายรถตู้โดยสารบนทางด่วนโทลล์เวย์ ทำมีผู้เสียชีวิต 9 รายนั้น ได้มีนายสุนทร แก่นแก้ว อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1166/ 1 หมู่ 3 แขวงทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง ซึ่งเป็นหัวหน้าวินจักรยานยนต์ รับจ้าง ได้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน จำนวน 9 รูป มาประกอบพิธีทำบุญ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตทั้ง 9 ราย โดยมีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ รับจ้างสังกัดวินดังกล่าว และชาวบ้านหลายรายมาร่วมพิธี

นายสุนทร เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างในวินนี้ รวมทั้งประชาชนผู้ที่สัญจรไปมาในเส้นทางดังกล่าวต่างรู้สึกขวัญเสีย นอกจากนี้มีผู้พบเหตุการณ์แปลกๆ อีกด้วย มีผู้โดยสารรายหนึ่งที่นั่งรถจักรยานยนต์ของตนบอกว่า เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ได้เดินข้ามสะพานลอยคนข้ามมาจากฝั่งตรงข้าม เพื่อมาขึ้นรถประจำทางเดินทางไปทำงานตั้งแต่เช้ามืด โดยช่วงที่เดินลงมาจากสะพานลอยนั้น สังเกตเห็นมีชายคนหนึ่งนั่งรอรถอยู่ในศาลา แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ชายคนนั้นก็หันหน้าในสภาพที่มีเลือดอาบเต็มใบหน้า แต่พอหันกลับไปมองอีกทีก็ไม่พบแล้ว

นายสุนทร กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นอีกมากมาย จนทำให้ลูกน้องในวินจักรยานยนต์และชาวบ้านที่สัญจรผ่านไปมาต่างรู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวในวันนี้จึงร่วมกันจัดทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่เสียชีวิต รวมทั้งทำบุญช่วงปีใหม่ไปด้วยพร้อมกันเลยเพื่อความเป็นสิริมงคลกับทุกคน


@@@@@@@@@


ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

น้ำท่วมโรงพักที่ยะลา-ย้ายผู้ต้องหาไปขังบนรถ

น้ำท่วมโรงพักที่ยะลา-ย้ายผู้ต้องหาไปขังบนรถ

Pic_140150

ระดับน้ำในแม่น้ำสายบุรี ได้เพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเอ่อล้นตลิ่ง เป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมสูงในหลายพื้นที่ โดยที่สภ.ท่าธง ระดับสูงกว่า 1 เมตร ตร.ต้องพายเรือไปทำงาน ส่วนผู้ต้องหาต้องย้ายไปขังบนรถคุกชั่วคราว...


เมื่อวันที่ 9 ม.ค.2554 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ยะลา ว่า สภาพโดยทั่วไปของระดับน้ำในแม่น้ำสายบุรี ได้เพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเอ่อล้นตลิ่ง เป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมสูงในหลายพื้นที่ ตลอดแนวแม่น้ำสายบุรี โดยเฉพาะในพื้นที่ ตำบลท่าธง น้ำท่วมทางหลวงสาย 4092 (รามัน – มายอ) บริเวณบ้านพรุ หมู่ที่ 3 ต.ท่าธง ระดับน้ำสูง 50 ซม. รถเล็กไม่สามารถวิ่งผ่านได้ โรงเรียนบ้านพรุมีระดับน้ำสูง 2 เมตร ต้องปิดเรียนเป็นการชั่วคราวโดยไม่มีกำหนด
นอกจากนั้นที่ สภ.ท่าธง ระดับสูงกว่า 1 เมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้เรือพายเดินทางจากบ้านพักไปทำงาน ส่วนรถยนต์ของทางราชการและรถยนต์ส่วนตัวได้นำไปเก็บไว้บนถนนหน้าสถานี โดยเฉพาะผู้ต้องหาที่อยู่ในคุกจำนวนหนึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบย้ายไปขังไว้ในรถยนต์ ที่ใช้ขนย้ายเป็นการชั่วคราว สภ.ท่าธง ถูกน้ำท่วมเป็นครั้งที่ 3 แล้วในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา ส่วนในพื้นที่ตำบลอาซ่อง ชาวบ้านในหมู่บ้านกำปงบาโง บ้านปายอแง และ บ้านบูเกะซืองอ ระดับน้ำสูง 1 เมตร ชาวบ้านต้องอพยพหนีน้ำไปอยู่ที่สูงแล้วกว่า 30 ครัวเรือน
ด้าน ตำบลเมืองรามันห์ หมู่ที่ 6 บ้านตลาดล่าง และ บ้านปายอยือนิ หมู่ 6 ต.กายอบอเกาะ น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรจนต้องอพยพหนีน้ำไปอยู่ที่สูง และ บ้านฮูหยงปาเซ บ้านทุ่งขมิ้น หมู่ 3 ต.ตะโละหะลอ น้ำได้เข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านหลายครัวเรือน ทำให้สัตว์เลี้ยง จำพวกสัตว์ปีกล้มตายไปจำหนวนหนึ่ง

ส่วนโรงแรม และ รีสอร์ทในเครือเซ็นทารา โดย นายสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ร่วมกับนายอับดุลการิม รามันห์สิริวงศ์ เลขาธิการสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย / ที่ปรึกษาประธานกรรมมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ ฯ ได้นำเครื่องอุปโภค บริโภค จำนวนหนึ่ง เข้าไปมอบให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่ตำบลอาซ่อง เพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว


@@@@@@@@@


ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

วันเสาร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2554

ประมวลภาพวันเด็ก 54 ทั่วไทย

ประมวลภาพวันเด็ก 54 ทั่วไทย


Pic_139874

วันเสาร์ที่ 8 ม.ค.54 เด็กๆ และเยาวชนเกือบทั่วประเทศไทย ต่างมีความสุขและสนุกสนานอย่างเต็มที่ เพราะวันนี้แทบทุกจังหวัดต่างจัดงานวันเด็กแห่งชาติด้วยกันทั้งนั้น มีที่ไหนบ้าง ชมกันได้เลย...


เด็กๆสนใจปืนกลบนรถหุ้มเกราะของตชด.ที่ 44 ยะลา
เด็กๆสนใจปืนกลบนรถหุ้มเกราะของตชด.ที่ 44 ยะลา



เด็กๆให้ถ่ายภาพคู่กับเครื่องบิน ที่กองบิน 21 อุบลราชธานี
เด็กๆให้ถ่ายภาพคู่กับเครื่องบิน ที่กองบิน 21 อุบลราชธานี


เด็กผู้ชายสนใจอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองบิน 21 อุบลราชธานี
เด็กผู้ชายสนใจอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองบิน 21 อุบลราชธานี


ผู้ปกครองพาลูกหลานมาชมการแสดงเครื่องบินโชว์ที่กองบิน 21 อุบลราชธานี
ผู้ปกครองพาลูกหลานมาชมการแสดงเครื่องบินโชว์ที่กองบิน 21 อุบลราชธานี


ที่กองบิน 21 อุบลราชธานี เนืองแน่นด้วยผู้ปกครองและลูกหลาน
ที่กองบิน 21 อุบลราชธานี เนืองแน่นด้วยผู้ปกครองและลูกหลาน


เด็กๆสนใจอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทางกองบิน 21 อุบลราชธานี นำมาจัดแสดงโชว์
เด็กๆสนใจอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทางกองบิน 21 อุบลราชธานี นำมาจัดแสดงโชว์


เด็กๆมากันเป็นกลุ่ม ต่างตื่นตาตื่นใจกับเครื่องบินของกองบิน 21 อุบลราชธานี
เด็กๆมากันเป็นกลุ่ม ต่างตื่นตาตื่นใจกับเครื่องบินของกองบิน 21 อุบลราชธานี


เด็กน้อยถือปืนของทหารด้วยความทะมัดทะแมง
เด็กน้อยถือปืนของทหารด้วยความทะมัดทะแมง


เด็กกำลังลองจับอาวุธปืนที่มทบ.32 ลำปาง นำมาโชว์
เด็กกำลังลองจับอาวุธปืนที่มทบ.32 ลำปาง นำมาโชว์


เด็กๆชื่นชมกับรถจี๊ปที่บรรทุกอาวุธปืนที่มทบ.32 ลำปาง นำมาโชว์
เด็กๆชื่นชมกับรถจี๊ปที่บรรทุกอาวุธปืนที่มทบ.32 ลำปาง นำมาโชว์


ทัพเรือภาคที่ 3 นำเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยมาให้เด็กๆได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดที่ท่าเทียบเรือน้ำลึกภูเก็ต
ทัพเรือภาคที่ 3 นำเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยมาให้เด็กๆได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดที่ท่าเทียบเรือน้ำลึกภูเก็ต


ทัพเรือภาคที่ 3 นำเรือรบหลวงบางปะกง ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานมาให้เด็กๆได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด
ทัพเรือภาคที่ 3 นำเรือรบหลวงบางปะกง ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานมาให้เด็กๆได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด


หน่วยทหารกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 25 ค่ายรัตนรังสรรค์ จ.ระนอง นำอาวุธยุทโธปกรณ์จัดแสดงให้เด็กๆ ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด
หน่วยทหารกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 25 ค่ายรัตนรังสรรค์ จ.ระนอง นำอาวุธยุทโธปกรณ์จัดแสดงให้เด็กๆ ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด


เด็กยืนมองอาวุธปืนที่หน่วยทหารกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 25 ค่ายรัตนรังสรรค์ จ.ระนอง นำมาจัดแสดง
เด็กยืนมองอาวุธปืนที่หน่วยทหารกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 25 ค่ายรัตนรังสรรค์ จ.ระนอง นำมาจัดแสดง


หน่วยทหารกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 25 ค่ายรัตนรังสรรค์ จ.ระนอง นำอาวุธยุทโธปกรณ์จัดแสดงให้เด็กๆได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด
หน่วยทหารกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 25 ค่ายรัตนรังสรรค์ จ.ระนอง นำอาวุธยุทโธปกรณ์จัดแสดงให้เด็กๆได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด


สาวน้อยรับตุ๊กตาเป็นของรางวัล ที่อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
สาวน้อยรับตุ๊กตาเป็นของรางวัล ที่อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่


ตำรวจภูธรภาค 5 สาธิตการช่วยเหลือตัวประกันให้เด็กๆ ชาวเชียงใหม่ได้รับชมเป็นขวัญตา
ตำรวจภูธรภาค 5 สาธิตการช่วยเหลือตัวประกันให้เด็กๆ ชาวเชียงใหม่ได้รับชมเป็นขวัญตา



@@@@@@@@@

ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

พ่วงชนรถน้ำมัน ระเบิดดับ2 ไฟลามไหม้ป่า

พ่วงชนรถน้ำมัน ระเบิดดับ2 ไฟลามไหม้ป่า

Pic_139968

เกิดอุบัติเหตุ รถบรรทุกน้ำมันประมาณ 1.5 หมื่นลิตร พุ่งชนกับรถพ่วงบรรทุกไม้ของบริษัทกระดาษ ดับเบิ้ล เอ บนถนนสายวังน้ำเขียว-ปราจีนบุรี ทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง ไฟลุกไหม้ป่า 2 ข้างทาง เบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียชีวิตถูกไฟคลอก 2 ราย...

เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 8 ม.ค. เกิดอุบัติเหตุ รถบรรทุกน้ำมันประมาณ 15,000 ลิตร พุ่งชนกับรถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกไม้ของบริษัทกระดาษดับเบิ้ลเอ บนทางหลวงสาย 304 บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 42 ในพื้นที่ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี  เลยเขต อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ประมาณ 10 กิโลเมตร ทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง  และมีไฟลุกไหม้ ป่า 2 ข้างทาง เบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียชีวิตถูกไฟคลอกแล้ว 2 ราย  เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ขณะที่การจราจรติดขัดเป็นระยะทางร่วม 10 กิโลเมตร เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรทั้ง 2 ฝั่ง แนะนำให้ผู้ใช้เส้นทางเลี่ยงไปใช้เส้นทางไปทางอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หรือทางไป อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เพื่อออกถนนมิตรภาพแทน

วันเดียวกัน ร้อยเวร สภ.สามกระทาย อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งเหตุว่ามีรถบรรทุกก๊าซเอ็นจีวี ตกร่องกลางถนนชนต้นไม้พลิกคว่ำ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และมีก๊าซรั่วไหลออกมาจำนวนมาก บนถนนเพชรเกษม หลักกิโลเมตรที่ 281
รถบรรทุกคันดังกล่าว เป็นรถบรรทุก 18 ล้อ ยี่ห้อวอลโว่ หมายเลขทะเบียน 77-4042 กทม. ข้างรถมีข้อความ บ.เอสซีแคริเออร์ จำกัด ซึ่งบรรทุกถังบรรจุก๊าซเอ็นจีวี น้ำหนัก 15 ตัน ชนกับต้นไม้ใหญ่ ตกอยู่กลางร่องถนนเพชรเกษม สภาพด้านหน้ารถพังยับเยิน มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย คือ นายด้วย ก่อแก้ว อายุ 30 ปี ชาวศรีสะเกษ พนักงานขับรถ และนายพิทักษ์ รอยประโทน พนักงานติดรถได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลสามร้อยยอด เป็นการด่วน ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าต้องพยายามปิดวาลว์ถังก๊าซ และระดมฉีดน้ำรักษาอุณหภูมิป้องกันการเกิดเพลิงไหม้

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถบรรทุกคันดังกล่าวบรรทุกก๊าซเอ็นจีวีมาเต็มคันรถ มุ่งหน้าจาก จ.ราชบุรี นำไปส่งสถานีบริการน้ำมัน ส.สมบูรณ์ปิโตรเลี่ยม ในเขต อ.กุยบุรี และ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุคาดว่าคนขับน่าจะเกิดอาการหลับใน จึงเกิดอุบัติเหตุขึ้น.




@@@@@@@@@


ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

วางบึมรร.เปรมฯ ป๋าเป็นห่วง ไม่เกี่ยวตั้งพล.ม.3

วางบึมรร.เปรมฯ ป๋าเป็นห่วง ไม่เกี่ยวตั้งพล.ม.3


Pic_139956


เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดห้องสมุดโรงเรียนเปรมติณสูลานนท์ จ.ขอนแก่น เมื่อช่วงเช้ามืดจนพังเสียหาย เผยถูกวางบึมเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ตร.เร่งสอบสวน "พะจุณณ์" เผย "ป๋าเปรม"  เป็นห่วงว่ามีใครบาดเจ็บหรือไม่ ยันไม่เกี่ยวกับการเตรียมตั้ง พล.ม.3...

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 8 ม.ค. พ.ต.ท.จำลักษณ์ ทุมพร พนักงานสอบสวน สบ2 สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น รับแจ้งเหตุระเบิดที่ห้องสมุด ภายในโรงเรียนเปรมติณสูลานนท์ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา ผบก.ศสส.ภ.4 พ.ต.อ.ไผ่พนา เพ็ชรเย็น ผกก.สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น และประสานเจ้าหน้าที่วิทยาการเขต 23 ขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยเก็บกู้ระเบิดตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ร่วมตรวจที่เกิดเหตุด้วย





เมื่อไปถึงที่โรงเรียนพบว่า จุดเกิดเหตุอยู่ที่ห้องสมุดรักเมืองไทย 31 ซึ่งเป็นอาคารปูน ชั้นเดียว กว้างประมาณ 40 เมตร ตั้งอยู่จุดกึ่งกลางของโรงเรียน ห่างจากประตูทางเข้าด้านหน้าประมาณ 500 เมตร แรงระเบิดทำให้กระจกประตูทางเข้า กระจกหน้าต่าง ป้ายคำว่า "เกิดมาต้องทดแทนคุณแผ่นดิน" รวมทั้งลายเซ็นของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งอยู่ที่ผนังด้านขวามือของประตูทางเข้าห้องสมุด ได้รับความเสียหาย ส่วนภายในห้องสมุด พบว่ารูปปั้นของ พล.อ.เปรม สูงประมาณ 1 เมตร ที่ตั้งอยู่บนฐานปูน และสิ่งของอื่นๆ ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน

ตรวจสอบบริเวณหน้าประตูทางเข้าห้องสมุด พบหลุมระเบิดที่บริเวณพื้นปูนใกล้กับขอบประตูกระจก เป็นหลุมลึก 3 ซม.กว้าง 5.5 ซม ยาว 10 ซม. จากนั้นเจ้าหน้าที่วิทยาเขตเขต 23 ขอนแก่น จึงได้เข้าเก็บเศษชิ้นส่วนต่าง เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์

พ.ต.ต.ธนพันธ์ จันทร์เทพ สว.กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น หน.ชุดเก็บกู้ระเบิดตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยภายหลังตรวจที่เกิดเหตุ ว่า เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นระเบิดแสวงเครื่อง แต่ยังไม่ทราบชนิดและขนาด เนื่องจากในจุดเกิดเหตุยังไม่พบวัตถุพยาน จึงต้องรอการพิสูจน์ชิ้นส่วนต่างๆ จากทางเจ้าหน้าที่วิทยาการเขต 23 ขอนแก่น จึงจะทราบได้ แต่อานุภาพของแรงระเบิด ระยะการทำลายประมาณ 5-25 เมตร หากถูกวางภายในตัวอาคาร ก็สามารถทำลายห้องสมุดให้พังได้ทั้งหลัง
ด้านนายมงคล อติอนุวรรตน์ ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวว่า โรงเรียนแห่งนี้ เคยถูกคนร้ายปาระเบิดมาแล้ว 2 ครั้งๆ แรก เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2553 ครั้งที่สอง 13 ต.ค. 2553 ซึ่งทั้งสองครั้งแรงระเบิดทำให้ป้ายโรงเรียนได้รับความเสียหาย ทางโรงเรียนได้จัดเวรยาม ครู 1 คน และภารโรง 1 คน เข้าเวรตั้งแต่ 18.00 น.ถึงเวลา 06.00 น.ของวันรุ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ทหารสังกัดกองพันทหารม้าที่ 14 ค่ายเปรมติณสูลานนท์ มาเข้าเวรร่วมด้วยคืนละ 5 นาย





จากการสอบถามครูเวรและภารโรงที่เข้าเวนคืนวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ทราบว่า ได้ยินเสียงระเบิดที่ห้องสมุด เวลา 03.00 น.ของวันที่ 8 ม.ค. แต่ไม่กล้าออกมาดู กระทั่งรุ่งเช้า ได้ไปตรวจสอบ จึงรู้ว่าห้องสมุดถูกปาระเบิด

พ.ท.นิสิต สมานมิตร ผบ.ม.พัน 14 ค่ายเปรมติณสูลานนท์ กล่าวว่า ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด ไม่พบสิ่งผิดปกติ คาดว่า คนร้ายน่าจะลักลอบเข้ามาทางด้านข้างหรือด้านหลังของโรงเรียนซึ่งเป็นพื้นที่ป่ารก จากการสอบถามผู้เกี่ยวข้องในโรงเรียน ต่างก็บอกว่าในโรงเรียนไม่มีความขัดแย้งกัน และโรงเรียนกับชุมชนหรือผู้ปกครองนักเรียนก็ไม่มีปัญหากัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะต้องเป็นการทำงานของคนที่รู้เรื่องระเบิดเป็นอย่างดี และต้องการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบขึ้นในพื้นที่

สำหรับโรงเรียนติณสูลานนท์ เดิมชื่อโรงเรียนหนองกุงวิทยายน ตั้งอยู่เลขที่ 124 หมู่ 5 บ้านหนองกุงขี้ควง ต.บัวเงิน อ.น้ำพอง อยู่ติดกับถนนสายน้ำพอง-กระนวน ห่างจากค่ายเปรมเพียงเล็กน้อย เป็นโรงเรียนที่อยู่ในความอนุเคราะห์ดูแลของมูลนิธิเปรมติณสูลานนท์ เนื่องจากโรงเรียนมีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่ของกองพันทหารม้าที่ 14 (ค่ายเปรมติณสูลานนท์) และโรงเรียนได้รับความอนุเคราะห์ช่วยเหลือในทุกๆ ด้าน ในการจัดการศึกษาจากกองพันทหารม้าที่ 14 ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ จึงอนุญาตให้โรงเรียนหนองกุงวิทยายน เป็น "โรงเรียนเปรมติณสูลานนท์" ตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา





ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทางคณะผู้บริหารโรงเรียนจะใช้พื้นที่แห่งนี้ใช้จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์วางระเบิดเกิดขึ้น ผู้อำนวยการจึงได้สั่งยุติการจัดกิจกรรมขึ้น และให้ผู้ปกครองและเด็กนักเรียนไปร่วมกิจกรรมวันเด็กที่ทางฝูงบิน 237 อ.น้ำพอง ที่อยู่ห่างจากค่ายเปรมฯไปเล็กน้อยแทน

ด้าน พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป หัวหน้าสำนักงานประธานองมนตรี ซึ่งเป็นนายทหารคนสนิท พล.อ.เปรม กล่าวว่า  พล.อ.เปรม ทราบเหตุระเบิดที่ห้องสมุดโรงเรียนเปรมติณสูลานนท์แล้ว โดยได้สอบถามว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ หลังจากทราบรายละเอียดแล้ว ก็ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนไปตามปกติ ส่วนกรณีดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับการเตรียมตั้งกองพลทหารม้าที่ 3 (พล.ม.3)ที่นำเข้าสู่การพิจารณาของสภากลาโหมเมื่อเร็วๆ นี้หรือไม่นั้น พล.ร.อ.พะจุณณ์ กล่าวว่า อย่าคิดไปไกลถึงขนาดนั้น.



@@@@@@@@@


ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

วันศุกร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2554

เฝ้าระวังดินถล่ม ชาวพัทลุงผวา เตรียมอพยพ24ชั่วโมง

เฝ้าระวังดินถล่ม ชาวพัทลุงผวา เตรียมอพยพ24ชั่วโมง


Pic_139637

ชาวบ้านพัทลุงเฝ้าระวังจุดเสี่ยงดินถล่ม บริเวณพื้นที่เดิมที่เคยเกิด หวั่นถล่มซ้ำซาก เนื่องจากฝนตกหนักมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมอพยพตลอด 24 ชั่วโมง...


เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่เกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน โดยเฉพาะบริเวณริมเทือกเขาในพื้นที่อำเภอป่าบอน อำเภอศรีนครินทร์ อำเภอตะโหมด อำเภอป่าพะยอม อำเภอศรีบรรพต และอำเภอกงหรา ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่บริเวณดังกล่าวหวั่นวิตกเกิดเหตุดิน หิน และโคลนถล่ม จึงได้จัดเวรยามเฝ้าระวังจุดเสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะจุดที่เคยเกิดดิน หิน และโคลนถล่ม เมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา บริเวณหมู่ที่ 3,4 ตำบลลำสินธุ์ อำเภอศรีนครินทร์ จำนวน 4 จุด และที่บริเวณบ้านทุ่งใหญ่ หมู่ที่ 7 ตำบลคลองทรายขาว อำเภอกงหรา จำนวน 1 จุด เนื่องจากเมื่อเกิดฝนตกหนักพื้นที่ดังกล่าว จะมีน้ำป่าไหลแรงลงมาตามร่องน้ำที่ดิน หิน เคยถล่ม พร้อมกับมีเศษหิน ดิน ก้อนขนาดเล็กร่องลงมาด้วย ซึ่งชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุผวา เตรียมพร้อมอพยพตลอดเวลาเช่นกัน หากได้รับคำเตือนจากเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เฝ้าเวรยามเตือนภัย
อย่างไรก็ตามเมื่อคืนที่ผ่านมายังมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณน้ำฝนวัดได้สูงสุดที่อำเภอบางแก้ว วัดได้150 มม. รองลงมาได้แก่อำเภอควนขนุน วัดได้ 120 มม. และพื้นที่อำเภอเขาชัยสน วัดได้ 110 มม.ตามลำดับ
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมโดยทั่วไปนั้น ขณะนี้พื้นที่ราบลุ่มและพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ยังมีพื้นที่น้ำท่วมขัง จำนวน 9 อำเภอ 33 ตำบล 159 หมู่บ้าน สำหรับในด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมนั้น ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง ได้นำเรือท้องแบนไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามจุดต่างๆ แล้ว 32 ลำ เรือพลาสติก 9 ลำ และมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ อ.เมืองพัทลุง และ อ.ควนขนุน จำนวน 1,000 ถุง.


@@@@@@@@@


ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

พ่อแม่โวยครูเมืองคอนเฆี่ยนลูกก้นช้ำ

พ่อแม่โวยครูเมืองคอนเฆี่ยนลูกก้นช้ำ

Pic_139735

พลเมืองดี และกลุ่มผู้ปกครอง เข้าร้องเรียนสื่อ หลังครูเมืองคอนเฆี่ยนเด็กรร.สตรีปากพนังเกือบ 200 คนนร.บาดเจ็บก้นระบม จี้ให้ผู้ใหญ่ ศธ.ตรวจสอบ ด้าน ผอ.โรงเรียนยันครูทำตามหน้าที่ เด็กผิดจริงต้องลงโทษ...


พลเมืองดีและกลุ่มผู้ปกครอง โรงเรียนสตรีปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้นำคลิปภาพวิดีโอ และภาพนิ่ง ร้องเรียนสื่อมวลชนเพื่อขอความเป็นธรรม และเรียกร้องให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ เข้าตรวจสอบพฤติกรรมและการกระทำของครูโรงเรียนดังกล่าว โดยระบุว่ามีการลงโทษนักเรียนอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน ครูนำไม้เรียวและไม้แข็งลงโทษนักเรียนอย่างรุนแรงเกินกว่าเหตุ ภาพที่พลเมืองดีและผู้ปกครองร้องเรียน เป็นภาพบาดแผลที่ก้นของนักเรียนที่มีบาดแผลเป็นรอยเขียวคล้ำช้ำดำ และคลิปภาพขณะครูลงโทษเด็ก ทั้งนี้กลุ่มผุ้ปกครองระบุว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2553 ที่ผ่านมา มีนักเรียนถูกนายวีรวัฒน์ รัตนะ หัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรียนลงโทษนับ 100 คน





นายปรีดา ภิรมย์รส ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีปากพนัง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางโรงเรียนได้ทำความเข้าใจและข้อตกลงกับผู้ปกครอง ในเรื่องการลงโทษนักเรียน ว่าหากนักเรียนกระทำความผิดกฎและระเบียบของโรงเรียน โรงเรียนขอลงโทษด้วยการตี เพื่อให้นักเรียนหลาบจำ เพราะบางครั้งการลงโทษด้วยการว่ากล่าวตักเตือน หรือการให้ทำงานโยธา หรือการให้วิ่งรอบสนามกีฬา ไม่ได้ผล นักเรียนไม่เกรง ไม่หลาบจำ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ผู้ปกครองส่วนใหญ่เข้าใจ และไม่ติดใจใดๆ เพราะโรงเรียนลงโทษตามระเบียบและข้อกำหนดที่ได้ตั้งเป็นกติกาไว้แล้ว ไม่แน่ใจว่าภาพและคลิปที่มีผู้ร้องเรียนไป จะมีการตัดต่อหรือไม่ ขอให้สื่อมวลชนตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
ด้าน นางสาวเอ นักเรียนหนึ่งในผู้ที่ถูกลงโทษ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฝ่ายกิจการนักเรียนตรวจสอบนักเรียนหญิงกว่า 100 คน พบว่าบางคนผมยาว บางคนไว้ผมในทรงที่ผิดระเบียบ บางคนใส่ตุ้มหูเครื่องประดับ ผิดระเบียบโรงเรียน เมื่อครูตรวจสอบแล้วก็จดชื่อและเรียกให้มาเข้าแถว เรียกชื่อ และนายวีรวัฒน์ ครูหัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรียนเป็นคนลงมือเฆี่ยนด้วยไม้หวาย ซึ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว ยาวประมาณ 1 เมตร เป็นหวายที่แข็ง และตีอย่างแรง ตนโดนตีสามครั้ง บางคนในช่วงแรกครูตีเบาไป ก็มาตีใหม่ให้แรงโดนไม่ 5-6 ครั้ง บางคนถึงกับเข่าทรุด บางคนทั้งเจ็บทั้งกลัวหมดสติไปก็มี ระหว่างถูกลงโทษเพื่อนได้แอบถ่ายภาพ และถ่ายคลิปด้วยมือถือไว้ ก่อนไปแจ้งผู้ปกครอง

ผู้ปกครองที่มีบ้านอยู่ใกล้โรงเรียนและเป็นผู้ปกครองที่ลูกถูกลงโทษด้วย กล่าวว่า ตนไม่พอใจการลงโทษเด็กด้วยการเฆี่ยนตีเช่นนี้ ลูกกลับมาถึงบ้านเปิดแผลให้ดูแล้วตกใจ สลดใจ ก้นของลูกทั้งสองข้างบวมเป่ง เป็นแผลเนื้อแตกบางแผลเลือดไหลออกมา ต้องเอายาฆ่าเชื่อมาทาแล้วทำแผลให้ เจ็บระบมไปหมด นั่งไม่ได้นอนไม่ได้อยู่ 3-4 วัน ต้องนอนคว่ำ เพราะนอนหงายแล้วเจ็บ อยากให้ครูคิดถึงหัวอกพ่อแม่ หากคนที่โดนเป็นลูกของครูเองจะรู้สึกอย่างไร ตนจำใจต้องปิดปากเพราะรับปากกับครูไว้แล้วว่า จะไม่โวยวายหรือร้องเรียน และการโวยวาย หรือร้องเรียนจะส่งผลกระทบต่อเด็กต่อลูกที่กำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ แต่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่พอใจและโกรธ ตนไม่ได้ดำเนินการในเรื่องการร้องเรียน แต่คาดว่าผู้ปกครองคนใดคนหนึ่งหรือญาติทราบเรื่อง จึงร้องเรียนไปยังสื่อมวลชน
ส่วน นายศุภรัตน์ มุสิกะ ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีปากพนัง กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นช่วงที่ จ.นครศรีธรรมราช อยู่ในช่วงน้ำท่วม เป็นเวลาหลายวันที่ทางโรงเรียนไม่ได้กวดขันเรื่องระเบียบวินัย กระทั่งเมื่อมีการตรวจสอบ พบว่านักเรียนหญิงจำนวนมาก แต่งกายไม่เรียบร้อย ไว้ผมผิดระเบียบ แต่งหน้าทาปาก ทาเล็บ เป็นจำนวนมาก ซึ่งฝ่ายกิจการนักเรียนได้รายงานให้ตนทราบ ตนเห็นว่ามีนักเรียนกระทำความผิดเป็นจำนวนมาก จึงได้เชิญครูในโรงเรียนประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้ พร้อมกับแต่งตั้งครูเป็นคณะกรรมการจำนวน 9 คน พิจารณาเรื่องนี้ และมีมติว่า ให้ทำโทษด้วยการตีเพื่อให้นักเรียนหลาบจำ
ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีปากพนัง กล่าวต่อว่า ตนเองได้มอบหมายให้นายวีรวัฒน์ ครูหัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรียน เป็นผู้ทำโทษเด็ก โดยเราพิจารณาอย่างรอบคอบ และลงโทษเด็กด้วยการตีเพียง 70 คนในวันนั้นการลงโทษนักเรียนด้วยการตี อาจ มองได้ว่ารุนแรง แต่บางครั้งมีความจำเป็น โรงเรียนสตรีปากพนังเป็นหนึ่งของโรงเรียนในฝัน เป็นโรงเรียนคุณภาพ มีเกียรติประวัติเป็นโรงเรียนระดับแนวหน้ามาอย่างยาวนาน มีลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นใหญ่เป็นโตได้ดิบได้ดีรับใช้ชาติบ้านเมืองมากมาย จึงอยากให้สังคมเข้าใจในจุดนี้ด้วย ทั้งนี้ตัวนายวีรวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรียน เป็นครูชำนาญการ ที่สอนนักเรียนที่นี่มาร่วม 30 ปี เป็นคนดี ทำงานตรงไปตรงมา

"เราได้เชิญผู้ปกครองของนักเรียนที่ถูกลงโทษมาทำความเข้าใจกันแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร พวกเขายอมรับในกฏเกณฑ์ของทางโรงเรียน คิดว่าคนร้องเรียนคือมือที่สาม หรือ ผู้ไม่หวังดีกับทางโรงเรียน ดังนั้นสื่อมวลชนต้องให้ความเป็นธรรมกับทางโรงเรียนด้วย เพราะภาพคลิปที่หลุดออกไปยังภายนอก และนำมาร้องเรียนกับสื่อนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องที่สร้างสรรค์เลย ขณะนี้ ตนได้สั่งการห้ามไม่ให้นักเรียนนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปใช้ในโรงเรียนอย่างเด็ดขาดแล้ว เพราะมีผลเสียมากกว่าผลดี และให้ครูกวดขันในเรื่องนี้อย่างเข้มงวดด้วย" นายศุภรัตน์ กล่าว

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ล่าสุด ที่สภ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราชมี นางสาวบี อายุ 18 ปี นักเรียนโรงเรียนสตรีปากพนังที่ถูกลงโทษ เข้าพบร.ต.อ.ไพรัตน์ จิรักษา พนักงานสอบสวนสภ.ปากพนัง เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีที่แจ้งความไว้ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2553 ว่าถูกนายวีรวัฒน์ รัตนะ ทำร้ายร่างกาย

นางสาวบี กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนและเพื่อนนักเรียนรวม 190 คน เป็นชาย 30 คน หญิง 160 คน ถูกนายวีรวัฒน์ ใช้ไม้หวายที่เป็นอุปกรณ์การเรียนการสอนวิชากระบี่กระบองตี ไม่ใช่ 70 คนตามที่ผู้บริหารกล่าวอ้าง ตนถูกตี 3 ครั้ง ได้รับบาดเจ็บจึงปรึกษาญาติ และเข้าแจ้งความในช่วงเย็นวันเดียวกัน ด้าน ร.ต.อ.ไพรัตน์ จิรักษา พนักงานสอบสวนกล่าวว่า ได้รับแจ้งความและส่งผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่ รพ.ปากพนัง ส่วน คดีอยู่ระหว่างการดำเนินการ


@@@@@@@@@


ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

กองทัพไทยงัดยุทโธปกรณ์โชว์ศักยภาพ "วันเด็ก54"

กองทัพไทยงัดยุทโธปกรณ์โชว์ศักยภาพ "วันเด็ก54"


Pic_139736

กลาโหม-กองทัพ กระตุ้นเยาวชน จัดกิจกรรม “วันเด็ก”ยิ่งใหญ่ ขนยุทโธปกรณ์โชว์ศักยภาพทางทหาร ปลูกฝังความรักชาติสามัคคี  หวังละลายพฤติกรรมแตกแยกของเด็ก...


พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า กิจกรรมวันเด็กปี 2554 นี้ ทาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญต่อเด็กละเยาวชน ได้มอบให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม เหล่าทัพจัดกิจกรรมวันเด็กอย่างยิ่งใหญ่ โดยให้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็กๆ และเยาวชนไทย ซึ่งเป็นอนาคตและพลังสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ จึงได้จัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นเพื่อ เป็นการสนับสนุนและส่งเสริมการเรียนรู้ เสริมสร้างให้เด็กๆ มีคุณธรรม มีระเบียบวินัย รู้รักสามัคคี รวมทั้งเป็นการสร้างความสุขสนุกสนาน ซึ่งจะเป็นพื้นฐานให้เด็กๆได้เติบโตอย่างมีคุณภาพและมีพัฒนาการที่สมบูรณ์

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวต่อว่า สำหรับวันเด็กแห่งชาติในปีนี้ ในส่วนกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ได้จัดกิจกรรม โดยมุ่งเน้นให้เด็กและเยาวชนได้รับรู้ในเรื่องโครงการอันเนื่องมาจากพระราช ดำริ และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และความก้าวหน้าของยุทโธปกรณ์ทางทหารเพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งเน้นการทำกิจกรรมร่วมกันเป็นหมู่คณะเพื่อให้ได้เรียนรู้เรื่องความ สามัคคี โดยมีสถานที่จัดและกิจกรรมที่สำคัญ ดังนี้ กระทรวงกลาโหม บริเวณลานจอดรถ ข้างอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมแจ้งวัฒนะ ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 โดยมีจัดนิทรรศการให้ความรู้ในเรื่องโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นิทรรศการยุทโธปกรณ์ทางทหารของกองทัพ การละเล่นต่างๆ และการตอบปัญหาชิงรางวัล
กองบัญชาการกองทัพไทย บริเวณศูนย์ประสานงานโครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดำริและความมั่นคง และอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ถ.วิภาวดีรังสิต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยมี พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รองเสธ.ทหาร จะเดินทางมาเป็นประธานในพิธี โดยมีการจัดกิจกรรมเสริมสร้างประสบการณ์ของเด็ก รวมทั้งกิจกรรมให้ความรู้และกิจกรรมสร้างความสนุกสนานมากมาย อาทิ นิทรรศการประวัติศาสตร์ทางทหาร การเล่นเกมพร้อมรับของที่ระลึก การแข่งขันร้องเพลง ประกวดภาพระบายสี กิจกรรมขี่ม้า การแสดงรำปืน หรือ แฟนตาซีดิวของนักเรียนเตรียมทหาร การแสดงแฟชั่นโชว์ในชุดเครื่องแบบของนักเรียนนายร้อย นักเรียนนายเรือ นักเรียนนายเรืออากาศ นักเรียนพยาบาลเหล่าทัพ การแสดงเวทีของศิลปินดารา นักร้องจากสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 รวมถึงการแสดงของนักเรียนดุริยางค์ทหารเรือ นอกจากนี้ยังมีการจัดยุทโธปกรณ์ การแสดงสุนัขทหารสาธิตการหาทุ่นระเบิด

ในส่วนกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ได้สั่งหน่วยขึ้นตรง ทบ.ให้ความสำคัญในการจัดกิจกรรมในวันเด็กแห่งชาติ ให้กับเยาวชนและเด็กที่จะเติบใหญ่ในวันหน้า ในวันเสาร์ที่ 8 ม.ค. จะมีผู้บังคับบัญชาลงมาเล่าประสบการณ์ และพบปะเด็กๆ จะมีการนำยุทโธปกรณ์สำคัญของกองทัพบกมาจัดแสดง เช่น เฮลิคอปเตอร์แบบต่างๆ รถถัง รถสายพานลำเลียง รถหุ้มเกราะ รถใช้ในการกู้ภัย รถประหยัดพลังงาน และรถที่ใช้ในทางทหาร ปืนใหญ่ขนาดต่างๆที่ประจำการอยู่ในกองทัพบก

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมบนเวที กิจกรรมกลางแจ้ง การขี่ม้าและบังคับม้า โดยเปิดโอกาสให้เด็กๆได้ฝึกและทดลองขี่ม้าจำนวน 32 ม้า การแสดงความสามารถของสุนัขทหาร ทั้งการตรวจค้นวัตถุระเบิดและยาเสพติด การแสดงและให้ความรู้เรืองการป้องกันสารเคมี ชีวะนิวเคลียร์ การจำลองชีวิตในป่า เปิดพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติให้เด็กๆได้รับรู้ประวัติศาสตร์ของ ชาติไทย และประวัติศาสตร์ทางทหาร การจำลองสถานีโทรทัศน์เคลื่อนที่ของช่อง5 เพื่อให้เด็กๆได้ทดลองเป็นนักข่าวรุ่นจิ๋ว บริการตรวจสุขภาพเด็ก บริการอาหารฟรี การยิงปืนเพนท์บอล การยิงปืนด้วยแสงเลเซอร์ พร้อมพบศิลปินที่มีชื่อเสียงมากมายทั้งนี้ ผบ.ทบ. พร้อมด้วย นายทหารระดับสูงของกองทัพบก จะมามอบของและถ่ายรูปที่ระลึกกับเด็กๆอย่างใกล้ชิด

กองทัพเรือ ได้จัดกิจกรรมวันเด็ก ณ บริเวณลานสวนสนามโรงเรียนนายเรือ, พิพิธภัณฑ์กองทัพเรือ และฐานทัพเรือกรุงเทพฯ ป้อมพระจุลจอมเกล้า จ.สมุทรปราการ รวมทั้งเขตพื้นที่ทหารเรือในจังหวัดต่างๆตั้งแต่เวลา08.00-16.00 มีการจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ อาทิ เรือจู่โจม เรือลำเลียงพล พร้อมทั้งให้ความรู้โดยเจ้าหน้าที่จากนิทรรศการเสริมสร้างการเรียนรู้ใน เรื่องประวัติศาสตร์ทางทหาร และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้านกองทัพเรือ ได้จัดให้มีกิจกรรมวันเด็กเป็นส่วนกลางที่โรงเรียนนายเรือ จ.สมุทรปราการ โดยมีการขนยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งเรือรบ เฮลิคอปเตอร์ ยานเกราะล้อยาง ปืนใหญ่แบบต่าง ๆ มาให้เด็ก ๆ ได้ชมกันอย่างใกล้ชิด รวมถึงการจัดนิทรรศการและกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย

ส่วนคนที่อยากตื่นตาตื่นใจกับเรือรบหลากหลายประเภท แนะนำให้ไปที่ท่าเรือจุกเสม็ด ที่เป็นที่จอดเรือรบขนาดใหญ่ อาทิ เรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือหลวงสิมิลัน เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และเรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ขึ้นไปเยี่ยมชมบนเรือเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้เรือหลวงสิมิลัน ได้เดินทางเข้าร่วมปฏิบัติการกับหมู่เรือปราบปรามโจรสลัด และคาดว่าจะเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยช่วงปลายเดือนนี้ ทำให้ผู้ที่อยากไปชมเรือรบลำนี้ต้องอดใจรอไปก่อน เชื่อได้ว่าถ้าเรือหลวงสิมิลันกลับมาทันช่วงวันเด็กนี้คงจะมียอดผู้ขึ้นไป เยี่ยมชมเรือไม่แพ้เรือหลวงจักรีนฤเบศรอย่างแน่นอน
ส่วนกองทัพอากาศ กองทัพอากาศ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. จะเดินทางมาพบปะกับเด็กๆ บริเวณลานจอดอากาศยานกองบิน 6 รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมที่อาคารคลังสินค้าท่าอากาศยาน ดอนเมือง และพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ รวมทั้งต่างจังหวัด ที่โรงเรียนการบินและกองบินต่างๆ ตั้งแต่เวลา 07.00-16.00 รวมทั้งมีการจัดนิทรรศการให้ความรู้ด้านการบิน และการจัดแสดงทางอากาศยานแบบต่างๆทั้งที่ประจำการและปลดประจำการแล้ว อาทิ เครื่องบินขับไล่แบบ F-16 A การแสดงโดดร่มกลางเวหา และการแสดงการโจมตีทางอากาศแบบ Alpha Jet โดยขณะแสดงจะมีการสาธิตการใช้ปืนต่อสู้ป้องกันทางอากาศโดยใช้กระสุนซ้อม จำนวน 500 นัด

นอกจากนี้ยังมีการแสดงบนเวทีของศิลปินต่างๆ และการแจกของขวัญที่ระลึกอย่างไรก็ตามทางกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพจึงขอเชิญ ชวนให้ประชาชนทุกท่านนำบุตรหลานมาเข้าร่วม กิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติที่ทางกองทัพร่วมกันจัดขึ้น เพื่อให้เด็กๆรับรู้และเข้าใจถึงความสำคัญของความรัก ความสามัคคี ความจงรักภัคดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รวมทั้งตระหนักถึงความสำคัญของตนต่อการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต เพื่อให้สมกับคำขวัญที่ว่า “รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ”


@@@@@@@@@

ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

ทช.เร่งสำรวจปะการัง หลังพบฟอกขาววิกฤติรุนแรง

ทช.เร่งสำรวจปะการัง หลังพบฟอกขาววิกฤติรุนแรง


Pic_139371

สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน เร่งสำรวจปะการังในอันดามันและอ่าวไทย ที่ถูกฟอกขาวกว่า 70% หลังอุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นผิดปกติกว่า 30 องศาเซลเซียส...


นายเกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยว่า จากการที่อุณหภูมิในน้ำทะเลสูงขึ้นอย่างผิดปกติ กว่า 30 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวเป็นจำนวนมากในน่านน้ำไทย โดยพบว่าสภาวะฟอกขาวของปะการัง ตามแนวปะการังทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย มีมากกว่า 70% นับว่าเป็นปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น และเป็นวิกฤตการณ์ที่น่าวิตกอย่างยิ่งสำหรับท้องทะเลไทย
ด้านนายวรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน กล่าวว่า สถาบันกำลังเร่งสำรวจว่าการ ฟอกขาวที่เกิดขึ้นทำให้แนวปะการังเสียหาย และส่วนที่เหลือมีการฟื้นตัวได้มากน้อยแค่ไหน โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ประสานกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการสำรวจสภาพแนวปะการังใน 8 พื้นที่นอกเขตความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เริ่มดำเนินการแล้วประมาณ 1 เดือน คาดว่าจะสามารถประเมินสถานการณ์ของแนวปะการังทั้งประเทศได้สมบูรณ์ ประมาณเดือนพฤษภาคม 2554 นอกจากนี้ ยังได้เสนอกรมอุทยานฯ ให้กำหนดมาตรการด้านการใช้ ประโยชน์จากแนวปะการัง โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว เพื่อให้ประชาชนระมัดระวังในเรื่องการดำน้ำไม่ให้ไปรบกวนหรือสร้างความเสียหายให้กับแนวปะการังที่ยังรอดอยู่ และเพื่อให้แนวปะการังได้มีโอกาสฟื้นตัวตามธรรมชาติ.



@@@@@@@@@

ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

กรมทรัพย์ฯเตือน ดินถล่มใต้ เฝ้าระวังพิเศษ

กรมทรัพย์ฯเตือน ดินถล่มใต้ เฝ้าระวังพิเศษ
Pic_139398

โดยเฉพาะในพื้นที่อ.สิชล นบพิตำ พรหมคีรี ลานสกา ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช อ.ศรีบรรพต ศรีนครินทร์ กงหรา ตะโหมด จ.พัทลุง และอ.เมือง รัตภูมิ สะบ้าย้อย สิงหนคร จ.สงขลา เนื่องจากมีฝนตกหนักและตกต่อเนื่อง...


เมื่อวันที่ 6 ม.ค.กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกประกาศกรมทรัพยากรธรณีฉบับที่ 1 เฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ในระยะ 1- 2 วันนี้ หลังเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม ใน จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส เมื่อช่วงเช้า โดยเฉพาะที่ อ.เมือง จ.สงขลา เกิดเหตุดินไหลที่บริเวณด้านหลังพระตำหนักเขาน้อยซึ่งเป็นพระตำหนักที่สร้างขึ้น เพื่อที่จะเป็นที่ประทับของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร ในคราวที่ทรงเป็นอุปราชมณฑลนครศรีธรรมราช

ทั้งนี้ นางพรทิพย์ ปั่นเจริญ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า ขณะนี้ได้ให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัย ดินถล่มของกรมทรัพยากรธรณี พื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ในระยะ 1 – 2 วันนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่อ.สิชล นบพิตำ พรหมคีรี ลานสกา ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช อ.ศรีบรรพต ศรีนครินทร์ กงหรา ตะโหมด จ.พัทลุง และอ.เมือง รัตภูมิ สะบ้าย้อย สิงหนคร จ.สงขลา เนื่องจากมีฝนตกหนักและตกต่อเนื่อง บางพื้นที่วัดปริมาณน้ำฝนได้มากกว่า 100 มิลลิเมตร และเริ่มมีดินไหลในบางพื้นที่แล้ว

ทั้งนี้ให้อาสาสมัครเครือข่ายฯ ของกรมทรัพยากรธรณี เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก และวัดปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง หากเกิดเหตุให้แจ้งเตือน และเปิดไซเรนแจ้งสถานการณ์ดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากให้ประชาชน ในหมู่บ้านได้รับทราบ และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมปฏิบัติตามแผนเฝ้าระวังที่ได้มีการอบรมไว้แล้ว.


@@@@@@@@@@

ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

ไทยคอทองแดง ดื่ม50ลิตร/ปี อันดับ5ของโลก

ไทยคอทองแดง ดื่ม50ลิตร/ปี อันดับ5ของโลก
Pic_139465

เครือข่ายองค์กรงดเหล้าเผยข้อมูล คนไทยก๊งเหล้ากลั่นหนักติดอันดับ 5 ของโลก เฉลี่ยคนละ 50 ลิตร/ปี จัดโครงการรวมพลังเลิกเหล้าเพื่อลูก ในโอกาสวันเด็ก วอนรัฐบาลมีมาตรการเพิ่มภาษีและจำกัดการออกใบอนุญาตจำหน่ายสุรา เพื่อลดจำนวนคนดื่ม...

เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ห้องประชุมสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส (สท.) มีการแถลงข่าว "งานรวมพลังชุมชนเลิกเหล้าเพื่อลูก" เนื่องในโอกาสงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2554 นายสมชาย เจริญอำนวยสุข ผอ.สท. กล่าวว่า เครือข่ายภาคประชาชน ของสท. และสภาพัฒนาสังคมภาคประชาชน กรุงเทพมหานคร รวมทั้งเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์สร้างพลังชุมชนเลิกเหล้าเพื่อลูก มีวัตถุประสงค์ให้ชุมชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก กระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทสำคัญของตนในการพัฒนาประเทศ โดยให้เด็กได้มีส่วนร่วมในชุมชน สร้างกระแสความร่วมมือของคนในชุมชนและสร้างต้นแบบการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ที่ทำให้เด็กรู้จักหน้าที่ของตนเองต่อครอบครัว ต่อชุมชนและประเทศชาติ และกระตุ้นให้ชุมชน

นอกจากนี้ ยังเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหันมาสนใจปัญหาและโทษภัยที่เกิดขึ้นจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และส่งผลให้เกิดความล่มสลายต่อสายใยความผูกพันของชุมชน โดยใช้โอกาสในวันเด็กแห่งชาติให้ครอบครัว ชุมชน มอบของขวัญให้ลูกหลานด้วยการเลิกดื่มเหล้า ซึ่งแทนที่จะนำเงินไปซื้อเหล้าทำลายร่างกายให้นำมาหยอดกระปุกให้ลูกแทนเพื่อ อนาคตของลูก โดยปีนี้จะเริ่มรณรงค์จัดโครงการ “รักลูกเลิกเหล้า ครอบครัวอบอุ่น” ในวันที่ 8 ม.ค.นี้กับ 100 ชุมชนในเขต กทม.และปีหน้าจะขยายผลโครงการให้ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ

ด้านนายธีระ วัชระปราณี ผู้จัดการเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า สถานการณ์สุขภาวะครอบครัวไทยจากสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว พบว่าครอบครัวไทยมีสมาชิกในครอบครัวบริโภคสุราหรือของมึนเมามากที่สุด โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 62.9 ระบุมีสมาชิกในครอบครัวดื่มสุราหรือของมึนเมาเป็นประจำ นอกจากนี้ยังมีผลการวิจัยของ ดร.ศรีรัช ลาภใหญ่ ในปีที่ผ่านมาพบว่า เยาวชนร้อยละ 61.3 รู้สึกในด้านลบต่อการดื่มแอลกอฮอล์ของผู้ปกครอง และร้อยละ 86.3 คิดว่าการดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งไม่จำเป็นสำหรับผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังพบข้อมูลว่าคนไทยดื่มเหล้ากลั่นเป็นอันดับ 5 ของโลก เฉลี่ย 1 คนดื่ม 50 ลิตรต่อปี เป็นปริมาณที่มากและน่าห่วงว่ามีน้ำเมาทั่วบ้านเมือง ดังนั้นจึงควรจะช่วยกันรณรงค์สร้างจิตสำนึกลดเหล้า และกระตุ้นให้รัฐบาลมีมาตรการเพิ่มภาษีและจำกัดการออกใบอนุญาตจำหน่ายสุราด้วย.


@@@@@@@@@@

ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554

ยึดแนววิถีเกษตร"ชีวภาพ" ปลูกพืชทุนต่ำ ตลอด 365 วัน

ยึดแนววิถีเกษตร"ชีวภาพ" ปลูกพืชทุนต่ำ ตลอด 365 วัน

Pic_138883
แปลงดอกมะลิที่ยังคงเก็บเกี่ยวผลผลิตและพริกที่ยังพอหลงเหลือ

ปัจจุบันเกษตรกรหลายรายเริ่มปรับเปลี่ยนวิถีแนวทางการปลูกพืชผักกันมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเริ่มทนแบกรับราคาวัสดุเคมีภัณฑ์ที่นับวันราคาซื้อขายสูงขึ้น บวกกับตัวอย่างเพื่อนบ้านรอบข้างที่ปรับทิศเปลี่ยนทางได้ทันกาล กระทั่งโกยเงินเข้ากระเป๋าตุงไปแล้วหลายราย โดยหนึ่งในตัวอย่างที่กล่าวมานี้ก็มี นางสุดใจ ตันวัฒนชัยกุล เกษตรกรชาวโพรงมะเดื่อ จ.นครปฐม รวมอยู่ด้วย

นางสุดใจ บอกว่า ตั้งแต่จำความได้ก็คลุกคลีอยู่ กับอาชีพทำไร่ ทำสวนมาโดยตลอด ซึ่งมีพื้นที่ทำการเกษตร ทั้งหมด 5 ไร่ แบ่งปลูกมะลิร้อยมาลัยส่วนหนึ่ง ที่เหลือ ซึ่งเป็นที่เช่าทำกินสำหรับปลูกพืชผัก จะเป็นชนิด ประเภทใดบ้างนั้น แต่ละช่วงไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับการสังเกตถึงความ ต้องการของตลาด โดย "ปลูกแบบหมุนเวียน" ไปเรื่อย


นางสุดใจ ตันวัฒนชัยกุล ในแปลงผัก
นางสุดใจ ตันวัฒนชัยกุล ในแปลงผัก


....แต่หลักๆก็คือ "พริก" เพราะมีอายุการเก็บผลิตผลค่อนข้างยาวนาน หลังหมดกระทั่งต้องโละปลูกใหม่จะหันไปลงผัก จะเลือกประเภทที่มีอายุการเก็บเกี่ยวไม่เร็วหรือช้าเกินไป อยู่ราวๆเดือนถึงเดือนกว่า เพื่อสะดวกในเรื่องของแรงงานและจำนวนรอบ มีทั้งชนิดออกดอก อย่างเช่น กวางตุ้ง รวมถึงผักใบ เช่น ผักชีไทย ผักชีลาว....
การผลิตจะหมุนเวียนกันไปอย่างนี้ตลอด ในช่วงที่พักหน้าดิน หรือรอให้พริกออกเม็ดก็จะเก็บ "ดอกมะลิ" เรื่อยไปกระทั่งผ่านพ้นช่วงฤดูหนาวซึ่งอยู่ประมาณปลายเดือนมกราคม ซึ่งช่วงนี้รายได้ที่เข้ามาค่อนข้างน้อย ส่วนต้นทุนที่ต้องลงไปโดยเฉพาะเคมีที่ฉีดพ่นแต่ละเดือนเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หลังมาร่วมกันคิดกับสมาชิกในบ้าน จึงรู้ถึงสาเหตุนั่นคือ ราคาวัสดุเคมีภัณฑ์มีการปรับอยู่ตลอด หากเป็นอย่างนี้ เรื่อยไป อย่าว่าแต่จะมีเงินก้อนเก็บ ต่อไปอาจต้องไปกู้เงินนอกระบบมาลงทุน

ฉะนี้...ต่อมาประมาณปี'48 เห็นเพื่อนบ้านเขาปลูกผักอย่างต่อเนื่องได้โดยไม่ใช้เคมี เห็นแล้วบอกได้ว่าดีทั้งสุขภาพ อากาศไม่มีกลิ่นเหม็นยาที่ฉีดพ่น จึงหันไป ศึกษาวิถีแนวที่เรียกกันว่าการผลิตแบบ "ชีวภาพ" บ้าง แต่ก็ไม่ได้ละทิ้งทั้งหมด ยังคงใช้ควบคู่กันไปกับปุ๋ยเคมี ซึ่ง  ขั้นตอนวิธีการ ก็คือ หากเป็นผักใบเขียว พอมีอายุครบ ประมาณ 7 วัน จะเริ่มให้ปุ๋ย ต่อจากนั้นตามติดด้วยการ ฉีดยาป้องกันศัตรูพืช รวมถึงฮอร์โมน อาหารเสริมต่างๆ ที่ใส่ตามหลังเข้าไป เว้นระยะประมาณ 7 วัน ให้น้ำซึ่งต้อง ดูตามความเหมาะสมและสภาพภูมิอากาศในแต่ละช่วงๆไป


สภาพดินที่สมบูรณ์กระทั่งเริ่มมีไส้เดือนดินให้เห็น
สภาพดินที่สมบูรณ์กระทั่งเริ่มมีไส้เดือนดินให้เห็น


หลังจากนั้นใช้น้ำหมักชีวภาพฉีดพ่นไปพร้อมกับการให้ปุ๋ยทุกครั้ง ผลที่ได้ที่เห็นอย่างชัดเจนในเวลาต่อมาก็คือว่า ผักงาม  สีใบสวย มีความสดคงทน ถูกใจบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่เข้ามารับซื้อ ที่สำคัญยิ่งก็คือดิน แม้จะไม่ได้พักหน้าดิน แต่สภาพยังมีความอุดมสมบูรณ์ หน้าดินร่วนซุย ไส้เดือนตัวเล็กเริ่มมีให้เห็น รวมทั้ง นก ผีเสื้อ แมลงต่างๆเริ่มบินเข้ามา จากเดิมน้อยครั้งที่จะผ่านซักตัว

"การเปลี่ยนวิถีเกษตรชีวภาพช่วยได้หลายอย่าง ทั้งสภาพดินที่สมบูรณ์ขึ้น ลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมี ผลผลิตมีคุณภาพ และสามารถปลูกพืชผักหมุนเวียนได้ตลอดทั้งปี ซึ่งเหล่านี้มันคือหัวใจหลักของคนทำไร่ทำนาอย่างพวกเรา แม้ที่ทำกินจะมีไม่มาก แต่รายได้ก็พอเลี้ยงสมาชิกในบ้านให้กินอิ่ม นอนหลับ"
สำหรับใครที่ต้องการเปลี่ยนก้าวสู่การผลิตด้วยวิถีแบบชีวภาพ สามารถกริ๊งกร๊างสอบถามกันได้ ที่ 08-9615-5108 ในวันเวลาที่เหมาะสม.


เพ็ญพิชญา เตียว


@@@@@@@@@

ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

คอมพิวเตอร์ให้โทษ

คอมพิวเตอร์ให้โทษ นักเรียนวัยรุ่นพากันอ่อนเลขและการอ่าน

Pic_137794


สำนักข่าวออนไลน์ที่อังกฤษ เปิดเผยว่า ผลการสำรวจนักเรียนวัยตั้งแต่ 10 ขวบเป็นต้นไป จำนวนกว่า ครึ่งล้าน ทำให้ทราบว่าเทคโนโลยีกลับถ่วงความก้าวหน้าในผลสำเร็จของนักเรียนวัยรุ่น พวกเขาต่างอ่อนเลขและการเขียนอ่านเป็นแถว
การศึกษาผลสำรวจส่อให้รู้ว่าการให้เด็กวัย 10 ขวบขึ้นไปใช้คอมพิวเตอร์ เป็นผลเสียหายเรื้อรังและเกี่ยวโยงกับผลเสียขนาดปานกลาง แต่ก็มีนัยสำคัญทางสถิติ ในการสอบทำคะแนนวิชาเลขและการอ่าน
นายจาคอบ วิกเดอร์ ผู้เรียบเรียงรายงาน กล่าว ว่า "นักเรียนชั้นระดับ 5-8 ที่มีโอกาสใช้คอมพิวเตอร์เมื่ออยู่บ้าน มักได้คะแนนไม่ดีในการทดสอบเลขและการอ่านอย่างต่อเนื่อง" และเสริมว่า "ผู้บริหารโรงเรียนที่พยายามจะให้ลูกศิษย์ได้คะแนนดีขึ้น จะพบหลักฐานว่าการที่เด็กได้มีโอกาสใช้คอมพิวเตอร์ กลับเป็นผลเสีย" เขาได้ระบุว่า "เหตุที่เด็กยุ่งกับคอมพิวเตอร์ เรียนไม่ดี ก็เพราะทำให้ขาดสมาธิได้ ง่ายๆ กลับเอาเวลาไปคบหาสมาคมกับเพื่อนฝูงและเล่นเกมเสีย"

เขายังได้แนะนำว่า ผู้ปกครองควรจะติดตามเด็กให้ใกล้ชิดขึ้น และมั่นใจว่าเด็กมีเวลาว่างน้อยลง คอมพิวเตอร์ก็อาจจะให้คุณได้.


@@@@@@@@@

ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

วันอังคารที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2554

เครือข่ายคนไทยฯบุกชายแดนพรุ่งนี้(5ม.ค.54)

เครือข่ายคนไทยฯบุกชายแดนพรุ่งนี้(5ม.ค.54)


Pic_138973


แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ถกผู้ว่าฯสระแก้ว และ ผบ.กกล.บูรพา ได้ข้อสรุปยื่นหนังสือถึงนายกฯ พรุ่งนี้ พร้อมให้กองกำลังบูรพานำไปดูพื้นที่ชายแดน ก่อนสลายตัว...

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 4 ม.ค. บริเวณตลาดสดเทศบาล 2 ข้างด่านศุลกากร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้มีบรรดากลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ประมาณ 200 คน พร้อมมีรถติดแผ่นป้ายเขียนข้อความต่าง ๆ เช่น ไม่ชนะไม่เลิก และ ข้อความโจมตีรัฐ จากนั้นได้เคลื่อนรถยนต์ปิกอัพติดเครื่องไฟขยายเสียง พร้อมได้ผลัดกันขึ้นกล่าวปราศรัย โจมตีการทำงานของรัฐบาล จากนั้นได้เคลื่อนย้ายรถขบวนไปตามถนนสุวรรณศร อรัญประเทศ-คลองลึก ได้สักการะพระสยามเทวาธิราช ข้างเทศบาลบาลเมืองอรัญประเทศ นายไชยวัฒน์ สินธุวงศ์ ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ ดร.มาลีรัฎฐ์ เอี้ยวสกุล นายสุนทร รักษ์รงค์ และ นายทศพล แก้วทิมา แกนนำกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ได้อ่านข้อความที่นายวีระ สมความคิด ถูกจับ ซึ่งพื้นที่ถูกทหารเขมรจับอยู่ในพื้นที่ดิน น.ส. 3 ของนายเบ พูลสุข ระบุทิศใต้ จดหลักเขตแดนที่ 46 กัมพูชา ซึ่งทางกลุ่มคิดว่านายวีระถูกจับในประเทศไทย





จากนั้น ได้ส่งตัวแทนทั้ง 4 คน มี ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ ดร.มาลีรัฎฐ์ เอี้ยวสกุล นายสุนทร รักษ์รงค์ และ นายทศพล แก้วทิมา พบนายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พลตรีวลิต โรจน์ภักดี ผบ.กองกำลังบูรพา พล.ต.ต.ธีระยุทธ ธรรมสาโรช ผบก.ภ.จว.สระแก้ว ที่ห้องประชุมเทศบาลเมืองอรัญประเทศ หารือประมาณ 4 ชั่วโมง กลุ่มแกนนำจะขอยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการรวมตรวจข้อเท็จจริงบริเวณที่คนไทยทั้ง 7 ถูกจับดังกล่าว ทางผู้ว่าฯยื่นข้อเสนอว่าถ้าผู้ว่าฯ รับเรื่องแล้ว ขอให้กลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ได้สลายกลับภูมิลำเนา แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมสลายจะขอชุมนุมอยู่ต่อจึงไม่สามารถตกลง

สำหรับชาวอำเภอโคกสูง จ.สระแก้ว บริเวณสามแยกหนองแอก ได้นำรถบรรทุกสิบล้อปิดเส้นทางเพื่อป้องกันกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ไปในพื้นที่ชายแดนถนนศรีเพ็ญ บริเวณสี่แยกโคกสูง ก็มีการนำรถบรรทุกมาปิดช่องทางเช่นเดียวกัน บริเวณบ้านหนองติม มีกำลังทหารพรานกรม 13 จำนวนหนึ่งกองร้อย มีไม้กระบอกเป็นอาวุธ บ้านดอนหลุม มีพลังประชานอีกประมาณ 100 คน ส่วนที่หน้า อบต. โนนหมากมุ่น มีพลังประชาชนอีกประมาณ 300 คน พร้อมรถติดเครื่องขยายเสียงเปิดปราศรัย มีรถยนต์หกล้อ ปิกอัพ รถอีแต๋นติดป้าย มีข้อความต่าง ๆ ประมาณ 30 คัน และ บ้านอ่างศิลา มีพลังประชาชนอีกประมาณ 200 คน และ กำลัง ตชด.12 จำนวน 1 กองร้อย ปิดเส้นทางห้ามคนภายนอกพื้นที่เข้าไปในแนวชายแดนโดยเด็ดขาด

ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยหลังได้ข้อตกลงของแกนนำฯ ภายหลังการหารือยาวนานถึง 5 ชั่วโมงโดยสรุปได้ว่า ทางแกนนำฯ ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีโดยผ่านผู้ว่าฯ ซึ่งจะนำส่งให้ถึงในวันพรุ่งนี้ (5 ม.ค.) โดยแกนนำจะสรุป และ ส่งตัวแทนเข้าไปดูพื้นที่ชายแดนกับทางกองกำลังบูรพา โดยมีข้อแม้ว่าทางกองกำลังฯ จะเป็นผู้กำหนดพื้นที่เอง เนื่องจากห่วงเรื่องความปลอดภัย และ หลังจากดูพื้นที่ในวันพรุ่งนี้แล้ว แกนนำจะพากลุ่มผู้ชุมชนกลับภูมิลำเนา ส่วนในคืนนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมจะพักค้างและปราศรัยที่บริเวณหน้าพระสยามเทวาธิราช เขตเทศบาลอรัญประเทศ ซึ่งห่างจากแนวชายแดนประมาณ 6 กิโลเมตร ด้าน อ.โคกสูง ชาวบ้านกว่า 600 คน ในช่วงค่ำวันนี้ ได้ยอมสลายตัวกลับบ้านพักไป คงมีแต่เจ้าหน้าที่ กองกำลังบูรพาและหน่วยร่วม ทหารพราน ประจำอยู่ตามจุดสกัดต่างๆ ตามแนวชายแดน


@@@@@@@@@

ที่มา—>http://www.thairath.co.th/

ครม.อนุมัติ 'แก่งกระจาน' ขึ้นทะเบียนมรดกโลก

ครม.อนุมัติ 'แก่งกระจาน' ขึ้นทะเบียนมรดกโลก


Pic_138909


ครม.อนุมัติ เสนอป่าแก่งกระจาน ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ชี้มีความโดดเด่นด้านสัตตะภูมิศาสตร์ มีสัตว์ป่าหายากหลายชนิด เล็งดันหมู่เกาะตะรุเตา สิมิลัน สุรินทร์ เป็นมรดกโลกในอนาคต ...

เมื่อวันที่ 4 ม.ค. นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามข้อเสนอของ ทส.เรื่องการนำเสนอกลุ่มป่าแก่งกระจาน เพื่อขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งใหม่ต่อคณะกรรมการภาคีอนุสัญญามรดกโลกของยูเนสโก ซึ่งจะมีการประชุมในเดือน ก.ค.นี้ ที่ประเทศบาห์เรน และในปี 2555 จะมีการประกาศกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกอย่างเป็นทางการต่อไป
สำหรับกลุ่มป่าแก่งกระจาน มีพื้นที่มากถึง 3 ล้านไร่ครอบคลุม 3 จังหวัดได้แก่ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำภาชี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจันต์ จ.ราชบุรี โดยกลุ่มป่าดังกล่าวมีความโดดเด่นในด้านของความเป็นสัตตะภูมิศาสตร์ที่เชื่อมต่อระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ จีนกับมาเลเซีย และพม่ากับกลุ่มอินโดจีน นอกจากนี้ยังมีป่าดิบแล้งและชื้นขนาดใหญ่เชื่อมต่อกัน ที่สำคัญยังมีสัตว์ป่าหายาก เช่น จระเข้น้ำจืด กระทิง วัวแดง รวมทั้งพืชหายากเฉพาะถิ่นที่พบได้แห่งเดียวในโลกคือ แตงพะเนินทุ่ง จำปีเพชร จำปีดอย เป็นต้น





นอกจากนี้ ทส.ยังได้รายงานความคืบหน้าในการจัดทำแหล่งสำคัญทางมรดกโลกที่จะนำเสนอเป็นมรดกโลกในอนาคต ก็คือกลุ่มอุทยานแห่งชาติทางทะเลอันดามัน เช่น หมู่เกาะตะรุเตา สิมิลัน สุรินทร์ ที่มีความสวยงามในระดับโลก โดยอยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลรายละเอียดเสนอเป็นแผนงาน เพื่อเตรียมขอเป็นมรดกโลกต่อไป

นายธีรภัทร กล่าวด้วยว่า ทส.ยังได้รายงานสถานการณ์ท่องเทียวในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ปรากฏว่าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ยังครองแชมป์มีนักท่องเที่ยวเข้าไปมากที่สุด รองลงมาเป็นเขาใหญ่ ภูกระดึง ซึ่งแม้ว่าจะผ่านปีใหม่มาแล้วก็ตาม แต่จำนวนนักท่องเที่ยวที่ดอยอินทนนท์ยังคึกคักมาก เพราะส่วนใหญ่แห่ไปชมแม่คะนิ้ง เช่นเดียวกับอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก ก็ยังมีนักท่องเที่ยวปักหลักค้างแรมเป็นจำนวนมาก แต่ที่น่าดีใจคือ นโยบายห้ามสุราเข้าไปดื่มในอุทยานแห่งชาติ พบว่านักท่องเที่ยวให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีการนำเหล้าไปฝากที่ทางขึ้นอุทยาน เช่น อุทยานน้ำตกเอราวัณ จ.กาญจนบุรี จำนวน 20 ราย เขาใหญ่ 17 ราย ภูกระดึง 12 ราย เกาะเสม็ด 10 ราย ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แม้จะเป็นปีแรกที่นำนโยบายมาใช้ ทั้งนี้ จะมีการรณรงค์กันอย่างเข้มข้นต่อไป.



@@@@@@@@@@

ที่มา—>http://www.thairath.co.th/